เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจคนทั่วโลก สำหรับเหตุการณ์ คนร้ายลอบยิง ‘นายชินโซ อาเบะ’ อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่น จากทางด้านหลัง ขณะยืนกล่าวปราศรัยช่วยลูกพรรคหาเสียง ในพื้นที่จังหวัดนารา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เมื่อช่วงสายวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ซึ่งหลังก่อเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืนได้ทันที คือ เท็ตสึยะ ยามากามิ อายุ 41 ปี อดีตเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น

หลังจากมีรายงาน ในวันเดียวกันทางด้าน ‘นายฮาร่า ชินทาโร่’ อาจารย์สอนวิชาภาษามลายูที่ประเทศไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความกล่าวถึงเหตุการณ์ ผ่าน เฟซบุ๊ก Hara Shintaro ระบุว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นพลเมืองญี่ปุ่นที่ไม่เคยสนับสนุน นายชินโซ อาเบะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกดีใจ หรือสะใจแม้แต่น้อย เพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำลายแค่นายชินโซ แต่ทำลายพื้นฐานของประชาธิปไตยด้วย ถึงแม้ตนจะไม่ได้สนับสนุนนายชินโซ แต่อย่างน้อยนายชินโซก็เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่เล่นการเมืองภายในกติกาที่ปราศจากการใช้ความรุนแรง ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากการก่อรัฐประหาร หรือการใช้อาวุธปืน เพราะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง จึงขอประณามผู้ก่อเหตุ และขอแสดงความเสียใจจากใจต่อการจากไปของนายชินโซ นักการเมืองที่เล่นการเมืองในกรอบของประชาธิปไตย

Hara Shintaro 

โดยอาจารย์ฮาร่า ชินทาโร่ ได้โพสต์ข้อความกล่าวว่า ‘ตนไม่เคยคิดจะสนับสนุนนายชินโซ อาเบะ ในฐานะเป็นนักการเมืองตามสาเหตุบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่นำโดยรัฐบาลของท่านที่ปล่อยความเหลือมล้ำทางเศรษฐกิจ ความพยายามของท่านที่จะแก้ไขมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตราที่ห้ามรัฐบาลประกาศสงคราม และไม่สามารถมีกองกำลังได้นอกเหนือจากเป้าหมายเพื่อป้องการตัวเอง อันเป็นเหตุให้กองกำลังติดอาวุธของญี่ปุ่นเรียกว่า “กองกำลังป้องกันต้นเอง” และความไม่โปรงใส พูดง่าย ๆ คือคอร์ปชั่น ของรัฐบาลของท่านรวมถึงตัวท่านเองและภรรยาด้วย

และถือว่า ความโปร่งใสเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของนักการเมือง (จะว่าผมเป็นนักอุดมคติก็ช่างมัน) ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าท่านได้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือน ก.ย. 2020 แต่การออกจากตำแหน่งก็เกิดจากปัญหาภายในพรรคเสรีประชาธิปไตยของท่าน ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน ผมก็ไม่รู้สึกดีใจอะไร เพราะพรรคการเมืองของท่านยังอยู่ในอำนาจ และท่านก็สามารถรักษาอิทธิพลของท่านภายในพรรคได้ด้วย 

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (8 ก.ค. ค.ศ. 2022) ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีใจหรือสะใจแม้แต่น้อย เพราะกระสุนที่ทำลายท่านไม่ได้ทำลายท่านอย่างเดียว แต่ทำลายพื้นฐานของประชาธิปไตยต่างหาก ถึงแม้ว่า ท่านเป็นนักการเมืองที่ไม่น่าสนับสนุนสำหรับผม (แต่ประชาชนญี่ปุ่นที่ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งก็ยังสนับสนุนท่าน) แต่อย่างน้องยท่านก็เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่เล่นการเมืองภายในกติกาที่ปราศจากการใช้ความรุนแรง

ท่านก็ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากการก่อรัฐประหารหรือการใช้อาวุธปืน แต่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง (ซึ่งหน่วยงานเช่น กกต. ญี่ปุ่นก็ไม่มีอำนาจที่จะแทรกแซงอะไร) ด้วยเหตุนี้ ผมเชื่อมั่นว่า หากต้องการขับไล่ท่านออกจากโครงสร้างอำนาจก็จำเป็นต้องใช้วิถีแห่งประชาธิปไตยอย่างเดียว แต่ถ้าสมมุติว่าสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น (หมายถึง พรรคเสรีประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง) ก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้งนั้นและรอการเลือกตั้งครั้งต่อไป (ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำหรับฝ่ายที่แพ้การเลือกตั้งปรับปรุงจุดอ่อนหรือข้อบกพร่องของตนเอง)

นายชินโซ อาเบะ

ผมมั่นใจว่า ประชาชนญี่ปุ่นที่มีสติปัญญาปกติ ไม่มีใครที่รู้สึกดีใจหรือสะใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ (แม้ว่าในอินเทอร์เน็ตก็มีความเห็นของพวกสุดโต่งหรือปัญญาอ่อนบางคนที่แสดงความดีใจก็ตาม แต่พวกนี้เป็นส่วนน้อยมาก) แม้แต่สำหรับพลเมืองที่ไม่สนับสนุนหรือไม่เห็นด้วยกับท่านก็ตาม เพราะเวทีการต่อสู้สำหรับเรา ประชาชนของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยคือเวทีทางการเมือง ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายนักการเมืองหรือปล้นอำนาจทางการเมือง 

ณ ตอนนี้ ยังไม่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับแรงจูงใจสำหรับมือปืน แต่ไม่น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับแนวคิดทางการเมือง และผมมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ใช่การทำลายตัวนาย Abe Shinzo เท่านั้น แต่ถือว่าเป็นความพยายามอันร้ายกาจที่จะทำลายหลักการของประชาธิปไตย การใช้ความรุนแรงเพื่อปฏิเสธความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างไปจากตัวเองนั้นก็เท่ากับความเป็นปรปักษ์ต่อหลักการประชาธิปไตยนั่นเอง และการใช้ความรุนแรงลักษณะนี้ก็ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอะไร แต่กลับสร้างปัญหาใหม่ให้ทับซ้อนมากขึ้น 

ดังนั้น ผมขอประณามอาชญากรที่มุ่งหมายจะทำลายหลักการประชาธิปไตยอย่างรุนแรงที่สุด และขอแสดงความเสียใจจากใจต่อการจากไปของนักการเมืองท่านหนึ่งในเหตุการณ์อันร้ายกาจเหลือเกิน เนื่องจากว่าท่านก็เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่เล่นการเมืองในกรอบของประชาธิปไตย ‘

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Hara Shintaro