เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.ปากจั่น จ.ระนอง นำกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดระนอง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าตรวจสอบศพ นายธนุ ใจดี อายุ 79 ปี อดีตนายก อบต.ปากจั่น ที่บ้านในพื้นที่หมู่ 8 บ้านหาดตุ่น ต.ปากจั่น อ.กระบุรี หลังพบเป็นศพอยู่ในบ่อน้ำข้างบ้าน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุทราบว่าเป็นบ้านผู้ตาย อยู่ติดกับแม่น้ำกระบุรี ชายแดนไทย-เมียนมา ห่างตัวบ้านไปประมาณ 30 เมตร พบศพนายธนุ อยู่ในบ่อน้ำบาดาลลึก 4 เมตร บริเวณกลางสวน สภาพศีรษะและใบหน้าถูกตีจนเละจนจำหน้าไม่ได้ มือและเท้าถูกพันธนาการ จึงนำศพส่งชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ปากจั่น ได้รับแจ้งจาก นางนฤมล บุญช่วย นายก อบต.ปากจั่น บุตรสาวผู้ตายว่า ผู้ตายหายตัวออกไปจากบ้าน โดยช่วงเช้ามีเพื่อนบ้านเห็นมีชายไม่ทราบชื่อขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง-ดำ ไม่ทราบทะเบียน มารับออกไป กระทั่งตกเย็นมีโทรศัพท์จากชาวเมียนมา โทรฯเข้ามาหาหลานชายผู้ตายอ้างว่าจับตัวไปและต้องการเงินค่าไถ่ 8 แสนบาท จึงนำเรื่องมาบอกนางนฤมล จากนั้น นางนฤมล ให้คนงานชาวเมียนมาโทรศัพท์กลับไปตามหมายเลขที่โทรฯเข้ามาแต่ไม่มีการสนทนา ผ่านไปไม่นานมีข้อความจากหมายเลขดังกล่าวส่งกลับมาเป็นภาษาเมียนมา ระบุยืนยันเรียกค่าไถ่ 1 ล้านบาท ให้นำเงินไปไว้ในบ้านร้าง พื้นที่ท่าตายิ้ม หมู่ 8 ต.ปากจั่น ตรงข้ามบ้านหลุมพอยี ต.เขม่าจี อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา จึงส่งข้อความและภาพเงิน 8 แสนบาทไปให้ พร้อมขอดูรูปผู้เสียชีวิตเพื่อยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ จากนั้นคนร้ายเงียบหายไปไม่ติดต่อและไม่มารับเงินแต่อย่างใดจึงแจ้งตำรวจตรวจสอบพบเพียงคราบเลือดในบ้าน จึงออกตามหารอบบริเวณบ้านกระทั่งพบศพดังกล่าว

จากแนวทางการสืบสวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายอาจเข้ามาก่อเหตุโดยบุกเข้ามาจับผู้ตายมัดมือมัดเท้าก่อนลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม คล้ายมีความโกรธแค้นก่อนนำศพไปทิ้งในบ่อน้ำอำพราง แล้วแกล้งโทรศัพท์มาทำทีเรียกค่าไถ่ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นยืนระยะเวลาหลบหนี หรืออาจเห็นว่าฝ่ายผู้ตายมีฐานะมีตำแหน่งทางการเมือง แต่ภายหลังญาติขอดูรูปผู้ตายเพื่อยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงตัดขาดการติดต่อไป ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งไปทางเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ตายมีพฤติกรรมเจ้าชู้ ชอบทำทีตีสนิทกับสาวชาวเมียนมา แต่ก็ไม่ตัดประเด็นขัดแย้งธุรกิจรับซื้อยางพาราแผ่นดิบ เพราะครอบครัวผู้ตายถือว่าเป็นผู้ค้ายางพารารายใหญ่ในพื้นที่และชายแดนฝั่งเมียนมา ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเร่งติดตามคนร้ายมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.