เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการถอนตัวจากการร้วมรัฐบาล พร้อมประกาศเป็นฝ่ายค้านหลังพ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ว่ารู้ตัวดีว่าในการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง เกิดอะไรขึ้น ผลที่ออกมาไม่คาดคิดว่าจะออกมาอย่างนี้ ทำให้ตนกับคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมานั่งทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเราย้อนไปดูปัจจัยเมื่อปี 62 เราทราบข้อมูลว่าฐานคะแนนของเราอยู่ที่ 30,368 คะแนน แต่โดยภาพรวมคะแนนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใน จ.ลำปาง จะได้กว่า 140,000 คะแนน ทำให้รู้ว่าฐานเรามีเท่านี้มันขายไม่ได้ แต่เมื่อการเลือกตั้งซ่อมปี 63 มีปัจจัยหลายอย่าง ผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะจัดสรรที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากผลงานของรัฐบาล ซึ่งเราได้ประมาณ 61,914 คะแนน พรรคเสรีรวมไทยได้ 38,336 คะแนน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้คะแนนมันสวิงกลับ เราคงไปโทษรัฐบาลไม่ได้ แต่เราลงพื้นที่เราทราบว่าประชาชนบ่นกับตน ซึ่งผู้นำท้องถิ่นเป็นคนที่ตนวางเอาไว้ทั้งนั้น

ประชาชนเขาบ่นว่าไม่ค่อยสบายใจในเรื่องความไม่ชัดเจนของพรรคเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะตัวผมเอง ว่าสรุปแล้วอยู่ฝ่ายใดกันแน่ ส่วนพรรคเสรีรวมไทยเขาหาเสียงประเด็นเดียวคือจุดยืนที่ไม่แน่นอนของพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งทำให้เราพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เราสบายใจอยู่คือฐานคะแนนเสียงของเรายังเท่าเดิม

“การต่อสู้ตรงนี้ จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งประชาชนภาคเหนือตอนบน อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน แม่ฮ่องสอน และลำปาง เขาไม่เอารัฐบาล”

เมื่อถามว่า เมื่อประชาชนภาคเหนือตอนบนไม่เอารัฐบาล ทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยต้องไปร่วมงานฝ่ายค้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ตนถูกขับออกจากรัฐมนตรีก็ประกาศชัดเจนว่าอยู่ข้างประชาชน แต่ประชาชนไม่เข้าใจหรอกว่าอยู่ข้างประชาชน เพราะยังเห็นการโหวตเรื่องงบประมาณปี 66 ดังนั้นจึงต้องประกาศให้ชัดเจนว่าจะมาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นพรรคเศรษฐกิจไทยต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนเลยว่า เราควรจะทำให้หน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติให้เต็ม 100% ไปเลย ทั้งนี้ไม่ได้ว่าตนดี ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรี จนออกจากรัฐมนตรี ตนเป็นนักการเมืองที่อยู่ในพื้นที่มาตลอด ไม่ใช่เฉพาะภาคเหนือ ภาคอีสาน ตนเดินทางทุกจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด เราจึงรับทราบความรู้สึกของประชาชนดี วันนี้ประเทศเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งว่าที่ผู้สมัครของพรรคเศรษฐกิจไทย ทั้ง 76 จังหวัด สะท้อนมาว่าเราควรแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เพราะประชาชนเบื่อหน่ายหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นถามว่าจะทำให้เราเสียมวลชนจากภาคอื่นหรือไม่ ตนมีความมั่นใจว่าเสียงสะท้อนจากว่าที่ผู้สมัครของเรา คือเสียงสะท้อนจากประชาชน

เมื่อถามว่า การประกาศร่วมทำงานกับฝ่ายค้านหมายถึงการทำงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราให้นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลาออกจากวิปรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาเราเป็นต่อเนื่องมาตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อเราออกมาแล้วก็ควรให้มันชัดเจน ตามมารยาททางการเมือง วันนี้ผู้นำฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกับเรา เราจึงยังไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน แต่มันอยู่ในขั้นตอนต่อไปที่ต้องคุยกันต่อ

เมื่อถามว่า ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงจะทำงานร่วมกับฝ่ายค้านเลยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราประกาศว่าเราทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายนิติบัญญัติ มันคงทำงานในทิศทางเดียวกันกับฝ่ายค้าน

“ผมได้คุยทางโทรศัพท์และเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชัดเจนแล้วว่า ขออนุญาตประกาศจุดยืนของพรรคอย่างชัดเจน ซึ่งได้ชี้แจงแล้ว ผมเล่าให้ฟังว่าผลการเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง ว่าเกิดอะไรขึ้น เราเหมือนพรรคอยู่ตรงกลางของเขาควายสองข้าง มันไม่ชัดเจน ฝ่ายรัฐบาลเขาไม่ได้สนับสนุนเรา เราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากฝ่ายรัฐบาล อีกทั้งยังถูกกระทำหลายเรื่อง ผมไม่อยากพูดตรงนี้ อีกข้างของเขาควายเขาก็ไม่ได้สนับสนุนเรา ดังนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมานั่งตรงกลางของเขาควาย ดังนั้นจึงต้องเลือกข้างให้ชัดเจน ผมได้เรียนพล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีความเข้าใจและถามว่าทำไมออกมาเป็นฝ่ายค้าน 100%”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร รั้งให้อยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าก็มีบ้าง แต่ไม่ได้ตัดพ้ออะไร ตนเรียนข้อเท็จจริงด้วยเหตุผล แต่เมื่อเรามีเหตุผลท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ เคารพการตัดสินใจของตน หลังจากที่ตนกลับเข้ากทม.ในวันที่ 15 ก.ค.นี้แล้ว ตนจะประสานเพื่อเข้าพบพล.อ.ประวิตรอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

เมื่อถามย้ำว่า การโหวตซักฟอก พล.อ.ประวิตร ขอให้โหวตใครบ้าง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ได้ขอ แม้แต่ตัว พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ขอ

เมื่อถามว่า ตัวของ พล.อ.ประวิตร พรรคเศรษฐกิจไทยคงไม่แตะ แต่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีการขอไว้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงการโหวตการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พูดถึงเหตุผลการออกมาเป็นฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส และพรรคเศรษฐกิจไทย มีโอกาสจะไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปได้หมด