เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานการลักลิฟต์ของหลวงโดยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ 3 ไปขายให้ร้านขายของเก่า เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อแจ้งความเอาผิดฐานร่วมกันลักของหลวง และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร้องทุกข์กล่าวโทษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กับพวก ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้การช่วยเหลือนายสุรัตน์กับพวกให้พ้นผิด โดยมี ร.ต.อ.ถิรวัฒน์ ฟักประไพร รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป. เป็นผู้แทนรับเรื่อง

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้มาแจ้งความเอาผิดอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกับพวก ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอลักลิฟต์ของหลวงไปขายร้านรับซื้อเก่า หลังจากถูกจับได้ ทางอธิบดีได้ทำเอกสารย้อนหลังเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ลักลิฟต์ โดยตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากคนรักดีเอสไอ และมีหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดไฟล์วิดีโอเหตุการณ์ที่นำรถของดีเอสไอใช้ขนลิฟต์ของหลวงไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า และมีหนังสือร้องเรียน ซึ่งลิฟต์นั้นเป็นลิฟต์เก่า แต่เป็นของหลวงที่ต้องขึ้นบัญชีกลาง แต่กลับแอบลักนำไปขาย และแทนที่อธิบดีฯ จะดำเนินคดีอาญา แต่กลับให้ตั้งคณะกรรมการสอบแล้วยุติเรื่อง จึงไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้ที่ลักลิฟต์ของหลวงไป

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของดีเอสไอเป็นผู้พบเจอและรายงานไปยังอธิบดีฯ รวมถึงคณะกรรมการชุดแรกได้ชี้มูลสั่งให้มีการดำเนินคดีอาญา จึงมากล่าวโทษผู้ลักลิฟต์ทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันลักของหลวง เป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ส่วนอธิบดีฯเป็นข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และ ช่วยให้ผู้อื่นรับโทษน้อยลง ตามมาตรา 184 โดยผู้ที่ลักลิฟต์ไปนั้น มีหน้าที่จัดหารถหรือยานพาหนะให้กับอธิบดีฯ และรองอธิบดีฯ จึงอาจมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันหรือไม่.