เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนายโนบิ และนายภาณุมาศ จิตวศินกุล หรือ เฮียเปี๊ยก นักธุรกิจ พากลุ่มตัวแทนผู้เสียหายกว่า 10 ราย เข้าพบ พ.ต.ท.วรเดช ชมพูพันธ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ต.ประภาส วังงาม สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. หลังถูกหลอกให้นำเงินร่วมลงทุนออมเงิน​วงแชร์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

นายกฤษฎา เปิดเผยว่า มีประชาชนใน จ.อุดรธานี จำนวนมากถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนเล่นแชร์ดังกล่าวจนหลงเชื่อ แต่สุดท้ายวงแชร์ล้ม บางครอบครัวมีลูกเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยากได้เงินไปเป็นค่ารักษา แต่กลับไม่ได้เงินจริงตามที่กล่าวอ้าง หรือบางรายไม่มีเงินค่าทำศพ โดยมีบ้านแชร์ทั้งหมด 2 บ้าน ประกอบด้วยบ้านมล ท้าวกุ้ง และบ้านมะลิวรรณ ท้าวแชร์กุ๊ก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

ด้าน นายภาณุมาศ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกผู้เสียหายออกเป็น 2 กรณี คือมีการเปิดวงแชร์หลายวง โดยใช้ชื่อคนสนิทในการรับเงินจากลูกแชร์ และเมื่อได้เงินแล้วก็ประกาศล้มวงแชร์ ส่วนอีกกรณีเป็นการชักชวนนายทุนให้มาร่วมลงทุน อ้างว่าจะนำเงินมาปล่อยกับลูกแชร์เพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่เมื่อได้เงินแล้วกลับล้มวงแชร์ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายมาขอความช่วยเหลือกว่า 30 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 30 ล้าน ซึ่งบางรายเครียดจนคลอดลูกก่อนกำหนด จนลูกมีภาวะหายใจผิดปกติ หรือบางรายแม่ป่วยและไม่มีเงินค่ารักษาต้องปล่อยให้แม่เสียชีวิต

นายภาณุมาศ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ทางเท้าแชร์เริ่มจากการชักชวนเพื่อนฝูงให้ร่วมลงทุนก่อนขยายวงเรื่อยมา จนมีบ้านแชร์ 2 บ้าน บ้านแรกมีผู้ร่วมลงทุนกว่า 300 คน อีกบ้าน 200 กว่าคน และมีการให้ค่าหัวคิวชักชวน จากนั้นได้ประกาศล้มวงแชร์เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ทางเท้าแชร์ยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่ จ.อุดรธานี รวมถึงมีการเปิดร้านอาหาร แต่เมื่อผู้เสียหายไปสอบถามก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าโดนโกงเงิน

น.ส.ซี (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายรายหนึ่งที่ประกอบอาชีพแพทย์ เท่าที่ทราบผู้เสียหายรู้จักกับคู่สามีภรรยาเจ้าของวงแชร์มาหลายปี ได้ถูกหลอกให้ลงทุนอ้างว่าไปปล่อยกู้ให้พ่อค้าแม่ค้า และทุก 15 วัน จะให้ผลตอบแทน 5 เปอร์เซ็นต์กลับมา แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นการเอาไปปล่อยให้รายใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา โดยผู้เสียหายรายนี้เสียหายร่วม 5 ล้านบาท และยังไม่ได้เงินกลับมา

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้เสียหายพร้อมพิจารณาประกอบพยานหลักฐาน ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป