เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุระทึกขวัญต่อหัวเสือรุมต่อยชาวบ้านรายหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคยังดีมีคนเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน ภายหลังเดินทางไปตรวจสอบยัง บ้านเลขที่ 56 หมู่ 8 บ้านนาหลวง ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อพบกับ นายสีเมือง ไตยขัน อายุ 76 ปี เจ้าของบ้าน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เรื่องที่ตนโดนต่อหัวเสือรังเท่าลูกฟุตบอลรุมต่อยนั้นเป็นเรื่องจริง

โดยก่อนหน้านี้ตนเดินเก็บผักริมรั้วบ้านไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่ทันระวังว่ามีรังต่อที่เพื่อนบ้านซึ่งเป็นญาติกันเลี้ยงเอาไว้อยู่ริมรั้ว ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็ห่างจากรังต่อประมาณ 5 เมตร และเริ่มถูกรุมต่อยไปแล้ว ขณะนั้นตนไม่ได้ใส่เสื้อทำให้โดนรุมต่อยได้รับความเจ็บปวด พยายามวิ่งเข้าบ้านและตะโกนร้องเรียก นางจันเพ็ง ศรีพรม อายุ 56 ปี ภรรยาให้ช่วยด้วย พอภรรยาได้ยินเสียงรีบพาตัวเองเข้าบ้านก่อนจะปิดประตู รีบแจ้งขอรถพยาบาลจากกู้ชีพ 1669 (อบต.ท่าค้อ) มาให้ความช่วยเหลือนำส่ง รพ.นครพนม

“….เวลานั้นตนคิดว่าคงไม่รอดแล้ว เพราะเจ็บปวดไปหมดและยังหายใจไม่ค่อยออก กระทั่งแพทย์ให้ยารักษาอาการไปเรื่อย ๆ จนเริ่มดีขึ้นแต่จนถึงขนาดนี้ ก็ยังมีอาการระบมไปทั่วร่างอยู่…” นายสีเมือง กล่าวและเผยต่อไปอีกว่า

สำหรับรังต่อในพื้นที่ละแวกบ้านตน มีด้วยกันทั้งหมด 5 รัง เป็นของญาติทั้งหมด รังที่เกิดเหตุหากวัดระยะแล้วห่างจากตัวบ้านเพียง 20 เมตร ก่อนหน้านี้ก็เคยบินไปรุมต่อยวัวที่เดินหากินหญ้าริมรั้วไปแล้วรอบหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวฝ่ายตนไม่ขอติดใจเอาความเพราะเป็นญาติพี่น้องกันเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในพื้นที่ จ.นครพนม พบว่ามีหมู่บ้านเลี้ยงต่อหัวเสือจำนานมากขึ้นทุกปี ในช่วงเดือนกรกฎาคม ไปถึงเดือนตุลาคม ช่วงออกพรรษาจะเป็นช่วงฤดูเก็บผลผลิต เพื่อนำไปขาย ซึ่งที่บ้านหนองบัว ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม จะมีชื่อเสียงเรื่องเลี้ยงต่อหัวเสือ เพราะเป็นอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ การซื้อขายอยู่ที่ราคารังละประมาณ 1,000-1,500 บาท

ส่วนการเลี้ยงต่อ จะเริ่มจากไปล่าเอารังขนาดเล็กมาเก็บเลี้ยงไว้ตามหัวไร่ปลายนาห่างไกลผู้คน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีเซียนเลี้ยงต่อแนะนำมาว่า อยากให้ญาติของนายสีเมือง เร่งย้ายรังต่อไปในพื้นที่ห่างไกลผู้คนโดยเร็ว เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เพราะหากวันใดวันหนึ่ง มีเด็กเล็ก ๆ หรือสัตว์เลี้ยง พลาดเดินไปอยู่ใกล้รัง ก็จะได้รับอันตรายอย่างแน่นอน.