สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ยังพุ่งไม่หยุด ยอดทะลุนิวไฮแตะ 2 หมื่นกว่า ผู้เสียชีวิตหลักร้อย ภาครัฐเพิ่มคุมเข้มล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด ส่วนภูมิคุ้มกันหมู่อย่างวัคซีนที่กว่าจะได้เข้ามาก็รอไปถึงไตรมาส 4 ปลายปีโน่น ขณะที่ ภูมิคุ้มกันรัฐบาล ก็ส่ออาการร่อแร่ วิกฤติศรัทธาติดลบในสายตาประชาชน ทั้งความสับสนวุ่นวาย ขาดความชัดเจนในข้อมูล ในเรื่องวัคซีนที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหารายวัน ด้านการสื่อสาร ที่รัฐบาล สอบตก มาตลอด ปล่อยให้เฟคนิวส์เกลื่อนตามหน้าโซเชียล รวมถึงการปล่อยให้ “นายกฯ ทิพย์” จากดูไบ มาขย่มดิสเครดิตข้ามทวีปปาดหน้าเรียกเรตติ้งชิงมวลชนทุกสัปดาห์
ไหนจะศึกนอก สารพัดม็อบ “ไม่เอาลุง” ทั้งม็อบแดง ม็อบเด็ก คาร์ม็อบ สารพัดกลุ่มแปลงกายผนึกกำลังมาตามนัด #ไล่ประยุทธ์ พร้อมใจลงถนนทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด แบบไม่เกรงกลัวโควิด-19 โดยนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 7 ส.ค.นี้ หวังขยายผล จุดให้ติดหลังเจอโควิด-19 เบรกไปหลายครั้ง

ส่วนศึกในสภา พรรคฝ่ายค้าน ก็จ้องถล่มซ้ำท่ามกลางรัฐบาลซวนเซแทบล้มจากไวรัสมรณะ แต่ก็เช็กบิลไม่ได้สักที ล่าสุดกลับกลายเป็นว่าพรรคฝ่ายค้าน คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ต้องมา“ขบเหลี่ยม” กันเอง จากกรณีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จากปม กมธ.มีมติให้คืนงบที่ปรับลดลงจากหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 16,362 ล้านบาท ไปไว้ใน งบกลาง โดยมี กมธ. สังกัด พท. ร่วมโหวตแปรญัตติสนับสนุนแนวทางนี้ด้วย โดยพรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลว่า การนำงบที่ตัดได้ไปเพิ่มในงบกลาง เพื่อบรรเทาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่พรรคก้าวไกล มองว่าเป็นการ “ตีเช็คเปล่า”1.6 หมื่นล้านให้ “บิ๊กตู่” ค้านสายตากองเชียร์ จึงไปเปิดคลับเฮาส์ถล่มยับ

โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า “เพื่อไทยอดทน อดกลั้นมาตลอด ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ต้องการรักษาเอกภาพและบรรยากาศทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านไว้ให้ดีที่สุด ความเห็นที่แตกต่างกันในกระบวนการทำงานเป็นสิทธิและความเห็นที่พรรคให้เกียรติพรรคฝ่ายค้านมาตลอด แต่การไม่พูดข้อเท็จจริงให้รอบด้าน พูดในที่ประชุมอย่างหนึ่ง แล้วสื่อสารในโซเชียลมีเดียอีกอย่าง สร้างความสับสนเข้าใจผิดให้ประชาชน”
ตรงนี้สะเทือนเครดิตพรรคเพื่อไทย จึงต้องส่งแกนนำพรรคตั้งแต่หัวแถว พร้อมลิ่วล้อเรียงหน้าออกมาชี้แจงกับประชาชนเคลียร์ใจปม งบกลาง อ้างทำเพื่อชาติ ให้งบไปแก้โควิด-19 ในช่วงวิกฤติ รวมถึง เกมแก้รัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นปมร้าวของ 2 พรรค ที่ต้องหักกันในเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น ขณะที่พรรคก้าวไกลเสียประโยชน์ ส่อเค้าจำนวน ส.ส.ร่อยหรอลงไป ท่ามกลางกระแสข่าว 2 พรรคใหญ่ คือพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย ฮั้วจับมือตั้งรัฐบาลล่วงหน้าหลังศึกเลือกตั้งสมัยหน้า??

ที่ผ่านมาการทำงานของ 2 พรรคมีการคาใจกันกลายปม ยังไม่ถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะยื่นในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ก็ไม่รู้ว่า ศึกอภิปราย รอบ 3 พรรคเพื่อไทยจะมี เกี้ยเซียะ หรือมีข้อสอบรั่ว หรือชกเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะการอภิปรายรัฐบาล “บิ๊กตู่” ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นแล้ว ถ้าหากมีเรื่องของ ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ที่ลงตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่โหมโรงรายวันว่าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่คาดว่าจะต้อง บู๊ ดุเดือด จากปม “ทุจริต–ทำเศรษฐกิจเจ๊ง–แก้โควิดห่วย”
สุดท้ายก็คงจะหนีไม่พ้นข้อครหาว่าเป็น “มวยล้มต้มคนดู” อีกหรือไม่?