เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) รัฐสภา  กล่าวถึงการเดินหน้าพิจารณาแก้ไขเนื้อหาตามที่มีสมาชิกรัฐสภาเสนอคำแปรญัตติ โดยไม่กังวลต่อความเห็นของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ.ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งระบุว่าการทำหน้าที่ของ กมธ.นั้นขัดต่อหลักนิติบัญญัติ หากแก้ไขเนื้อหา โดยนำบทบัญญัติที่รัฐสภาตีตกในชั้นรับหลักการกลับมาพิจารณา พร้อมยืนยันว่าการทำหน้าที่ของกมธ.ยึดรัฐธรรมนูญ มาตรา 157 ว่าด้วยการประชุมร่วมรัฐสภาที่ต้องยึดข้อบังคับการประชุม ประกอบกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 124 วรรคท้าย ซึ่งกำหนดให้กมธ.พิจารณาคำแปรญัตติ ที่สามารถเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ หรือตัดทอน หรือแก้ไขมาตราเดิม ต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เว้นแต่การแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการนั้น ซึ่งหลักการของเนื้อหา คือ การปรับจำนวน ส.ส.​ให้มี 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ดังนั้นการทำงานของกมธ.ต้องพิจารณาบนเงื่อนไขดังกล่าว และเขียนรัฐธรรมนูญให้ไม่มีปัญหา

“คุณสมชัยแสดงความเห็นด้วยความไม่รู้จริง ไม่เคยทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นเพียงอดีตผู้สมัคร ส.ส. เท่านั้น จึงไม่เข้าใจในกระบวนการที่ กมธ.ดำเนินการ อีกทั้งกรณีที่แปลความว่า ห้ามนำข้อความที่รัฐสภาตีตกไปแล้ว กลับมาพิจารณาอีก ข้อเท็จจริงไม่มีข้อบังคับใดกำหนดห้ามไว้ ดังนั้นการเสนอคำแปรญัตติของสมาชิกที่ขอแก้ไขซึ่งอาจนำเนื้อความที่คล้ายหรือใกล้เคียงกันมา ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ตามข้อบังคับ ข้อที่ 124 ขณะเดียวกันที่อ้างว่าข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 41 ห้ามนำญัตติที่ตกไปแล้วกลับมาพิจารณาอีกในสมัยประชุม เทียบเคียงนั้นเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกัน เพราะการเสนอคำแปรญัตติของสมาชิกรัฐสภานั้น เป็นไปตามข้อบังคับที่ 124 โดยยืนยันว่า กมธ.จะเดินหน้าทำงานตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภากำหนด ทั้งนี้ในการประชุมครั้งถัดไป จะเข้าสู่การพิจารณาลงรายมาตรา“ นายไพบูลย์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายสมชัย ชี้ช่องให้พรรคการเมืองฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่า กมธ. ทำผิดหลักนิติบัญญัติ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดช่องทางที่ให้สมาชิกรัฐสภายื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เฉพาะกรณีที่เข้าข่ายมาตรา 256(8) เท่านั้น แต่เรื่องระบบเลือกตั้งไม่เกี่ยว อย่างไรก็ตามตนมองว่าสิ่งที่ กมธ. ดำเนินการนั้น ยึดตามหลักการนิติบัญญัติ เพราะทำงานภายใต้ข้อบังคับรัฐสภาและรัฐธรรมนูญ จึงเชื่อว่าไม่มีประเด็นใดที่นำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ในอนาคต.