เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่กรมการแพทย์ พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า วันที่ 27 ก.ค. กรมการแพทย์ เตรียมหารือกับ โรงพยาบาลต่างๆ,คลินิกผิวหนัง เกี่ยวกับแนวทางการรักษาโรคฝีดาษวานร ซึ่งเป็นโรคใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เป็นโรคประจำถิ่นในแอฟริกา ทั้งนี้ ฝีดาษวานร เป็น DNA VIRUS ติดต่อจากการสัมผัสสารคลั่งหลั่งทั้ง น้ำมูกน้ำลาย น้ำในตุ่มฝีหนอง น้ำเหลือง หรือ น้ำต่างๆ ของร่างกาย มีระยะฟักเชื้อ 7-21 วัน สามารถเกิดตุ่มได้ทั่วร่างกาย

ทั้งนี้การเกิดโรคแบ่งเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 มีตุ่มแดงขึ้น, ระยะที่ 2 ตุ่มพัฒนากลายเป็น ตุ่มนูน, ระยะที่ 3 ตุ่มกลายเป็นหนอง และระยะที่ 4 ตุ่มแตก ซึ่งการแพร่เชื้อจะเกิดขึ้นในระยะที่ 3 และ 4 ส่วนการรักษา จะรักษาตามอาการ และหายเองได้ เมื่อแผลตกสะเก็ดสำหรับคนที่จะมีอาการรุนแรง ได้แก่ คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ รับประทานยากดภูมิในคนรักษามะเร็ง หรือผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนที่กังวลเชื้อในสิ่งแวดล้อมนั้น ยืนยันว่าสามารถฆ่าได้ด้วยแอลกอฮอล์ สบู่ ดังนั้นการหมั่นล้างทำความสะอาด และงดสัมผัสหรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย หรือ ผู้เข้าข่ายสามารถป้องกันได้

พญ.นฤมล กล่าวว่า เนื่องจากโรคฝีดาษวานร จัดอยู่ในกลุ่มโรค ที่มีลักษณะของตุ่มน้ำตามผิวหนัง ใกล้เคียงทั้ง โรคอีสุกอีใส และไข้ทรพิษ เบื้องต้นทางสถาบันโรคผิวหนัง ได้วางเกณฑ์และแนวทางจำแนกแยกโรค ที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับฝีดาษวานรส่งเข้า ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข(EOC)กระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณา ดังนี้

1.โรคอีสุกอีใส ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีตุ่มน้ำใสขึ้นทั่วตัว และในกระพุ้งแก้ม ช่องปาก สามารถติดต่อได้จากละอองฝอย เป็นกลุ่มอาการที่ไม่รุนแรง ระยะฟักโรค 11-20 วัน รักษาด้วยการทานยาต้านไวรัส

2.โรคเริม เมื่อมีอาการป่วย จะมีตุ่มน้ำตามร่างกาย มีอาการอักเสบตามเส้นประสาท โดยมีระยะฟักตัว 3-7 วัน รักษาด้วยยาต้านไวรัส อย่างไรก็ตามโรคเริมจะมีการทิ้งรอยโรคไว้ สามารถกลับมาป่วยซ้ำได้

3.งูสวัด เป็นการพัฒนาของเชื้ออีสุกอีใส แต่เชื้อหลบที่ปมประสาท ทำให้มีไข้ต่ำ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีอาการแสบร้อน คันผิวหนัง สามารถติดเชื้อได้จากสารคัดหลั่งขณะที่การรักษาเน้นยาต้านไวรัส

4.ไข้ทรพิษ อาการจะมีไข้สูง ปวดเมื่อย มีตุ้มผื่นขึ้น อ่อนเพลีย อาเจียน ปวดท้อง ระยะฟักตัวของโรค 7-17 วัน การรักษาเน้นการรักษาแบบประคับประคอง

5.ฝีดาษวานร อาการมีตั้งแต่ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดหลัง และอาการเด่นชัดคือต่อมน้ำเหลืองโต รักษาเน้นประคับประคอง.