แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยถึงผลการพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.65) ว่า บอร์ด กกพ.มีมติขึ้นค่าเอฟทีใหม่ อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เป็นอัตราการปรับขึ้นต่ำสุด จาก 3 แนวทางที่ได้เปิดรับฟังความเห็นกับประชาชนไปก่อนหน้านี้ ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายงวดใหม่อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย จากเดิม 4 บาท ถือเป็นอัตราค่าไฟที่สูงสุดตั้งแต่เรียกเก็บมา โดยครั้งนี้ไม่ต้องเปิดประชาพิจารณ์อีกรอบ จากปกติจะเปิดประชาพิจารณ์อีกครั้ง เนื่องจากได้เปิดประชาพิจารณ์ไปแล้ว 3 แนวทาง สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา

สำหรับแนวทางนี้ จะยังไม่ชำระหนี้คืนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่า สิ้นเดือน ส.ค. 65 จะขึ้นมาอยู่ที่ 109,672 ล้านบาท จากเดิมถึงสิ้น เม.ย. 65 กฟผ.มีภาระหนี้ที่แบกรับค่าไฟแทนประชาชน 83,010 ล้านบาท ซึ่งทาง กฟผ.ได้ทำหนังสือมายัง กกพ. เพื่อเสนอความเห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยมองว่า เพื่อลดผลกระทบผู้ใช้ไฟฟ้า ทาง กฟผ. จะแบกรับแทนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน 109,672 ล้านบาท โดยจะนำไปบริหารจัดการเรียกเก็บภายในปี 66 ต่อไป รายละเอียดทั้งหมดนี้ จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ส.ค. นี้

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสำนักงาน กกพ. ได้เปิดรับฟังความเห็นประกอบด้วย 3 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตรา 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟที รวมเป็น 139.13 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงิน กฟผ. ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี

แนวทางที่ 2 ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟที รวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ช้าลง โดย กฟผ. จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี และสุดท้าย แนวทางที่ 3 เป็นแนวทางที่ผู้ใช้ไฟ ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด คือ ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย โดยยังไม่คืนหนี้ กฟผ. 83,010 ล้านบาท ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย.