แต่อุปสรรคระหว่างทางถือว่าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ท่ามกลางกระแสขาลง เศรษฐกิจถดถอย ปัญหาปากท้องชาวบ้าน สินค้าทั้งอุปโภค บริโภค พากันแห่พาเหรดขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ เป็นขวากหนามสำคัญที่ “บิ๊กตู่” ในฐานะผู้นำประเทศและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องเร่งปรับปรุง แก้ปัญหาให้ทันเวลา ใช้คนให้ถูกกับงาน หมดเวลาเกรงใจในเรื่องโควตาหรือบุญคุณที่ต้องทดแทน รัฐมนตรีคนไหนที่ไม่สามารถพิสูจน์ฝีมือ มาแต่ฝีปาก ก็หมดเวลาเสวยสุขหา “ตัวจริง” มาทำงานได้แล้ว เพราะหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ในสนามเลือกตั้งอาจถึงขั้นอาการลากเลือด

และล่าสุดกับวันเกิด นายกฯ ดูไบ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครบ 73 ปี ถึงกับสั่งเสียลูกหลานไว้ว่า ถ้าตายห้ามเผาให้เก็บศพไว้ให้การต่อสู้เป็นอมตะตรงนี้น่าจะเป็นการส่งสัญญาณเอาจริง ในศึกเลือกตั้งปี 66 ที่จะถึงในศึก แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้จะมีกระแสข่าวการฟื้นคืนชีพ “บัตรใบเดียว” เพราะกระแสสู้ “พรรคเพื่อไทย” และพรรคขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง “พรรคก้าวไกล” มาแรง อีกทั้งมีรายงานว่าแกนนำรัฐบาลระดับ “คีย์แมนรัฐบาล” และ “บิ๊กพรรคพลังประชารัฐ” ได้มีการคำนวณสูตรต่าง ๆ หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรเลือกตั้งสองใบทั้งสูตรหาร 500 หรือหาร 100 และการกลับไปใช้บัตรใบเดียว ซึ่งประเมินกันแล้วว่า บัตรใบเดียว เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด และ เตรียมที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรใบเดียวสามารถทำทันก่อนครบอายุรัฐบาลด้วย

ทำให้ทฤษฎีการแตก “แบงก์พัน” กลับมาชัดเจนทันที เมื่อ “ก๊วนนั่งร้าน” เตรียมพา “ท่านผู้นำ” หวนคืนสู่อำนาจ โดย “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ลูกมือคนสำคัญของ “บิ๊กป้อม” เตรียมเปิดตัวพรรคพลังชาติไทยก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “พรรครวมแผ่นดิน” วันที่ 1 ส.ค.นี้ ที่ รร.รามาการ์เด้นส์ ตีคู่ไปกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ก็จะตั้ง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คนสนิทของ “บิ๊กตู่” เป็นหัวหน้าพรรค

ขณะเดียวกันในการประชุมร่วมรัฐสภา การพิจารณาร่าง พ.ร.ป.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ว่าในที่สุดแล้วมติรัฐสภาจะใช้สูตรหาร 100 หรือหาร 500 สุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็จะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะทั้ง 2 ฝั่ง คงยื่นขอคำวินิจฉัย ในช่วงเวลา 5 วัน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ

แต่ทุกอย่างก็เป็นแค่ “ลับ ลวง พราง” เพราะมีการตั้งธงไว้แล้วสำหรับ คีย์แมนรัฐบาล ที่จะฟื้น “บัตรใบเดียว” แบบการเลือกตั้งปี 62 เพราะหากไม่มีการแตกสาขา ปรับยุทธศาสตร์วิธีการสู้รบ ชิงความได้เปรียบทางการเมือง โดยไม่ต้องสนใจข้อครหาต่าง ๆ ตราบใดยังมีอำนาจอยู่ในมือไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ก็ต้องชิงความได้เปรียบจากคู่ต่อสู้ เพราะไม่เช่นนั้น ก็เตรียมไปเป็นฝ่ายค้านได้เลย.