จากกรณี ผู้ช่วยพยาบาล รพ.แห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ทำนองไม่พอใจรถมูลนิธิสยามรวมใจ ที่ขับรถจี้ทายขณะไปรับผู้ป่วย ว่าการขอทางนั้นควรคิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความสะดวกของตัวเอง จนกลายเป็นประเด็น หลังจากพบคลิปจากกล้องหน้ารถว่า ฝ่ายผู้ช่วยพยาบาล เป็นฝ่ายไม่ยอมหลบหลีกให้แต่อย่างใด ส่งผลให้เกิดกระแสโจมตีอย่างหนัก ภายหลังฝ่ายมูลนิธิฯ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ถึงการโพสต์ของอีกฝ่ายว่า เข้าข่ายหมื่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

งานเข้า! กู้ภัยหอบหลักฐานแจ้งจับ ‘ผช.พยาบาล’ ไม่วายตำรวจฟันโทษจร.ซ้ำ

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ในรายการโหนกระแส โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญ น.ส.ตาล ผู้ช่วยพยาบาล พร้อมทนายความ และอีกฝ่ายคือตัวแทนจากมูลนิธิสยามรวมใจกับทนายความ มาพูดคุยในรายการ โดยฝ่ายกู้ภัยได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังจนกระทั่ง น.ส.ตาล กล่าวชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ได้หลบหลีกให้ฝ่ายกู้ภัยว่า เป็นเพราะรถที่ตัวเองขับนั้นมีลักษณะเล็กกว่า ทำให้มองไม่เห็นด้านซ้าย เพราะรถกู้ภัยขับจี้มา ประกอบกับกลัวว่าหากขับหลีกให้แล้วจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้ ยืนยันว่าเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงได้เข้าไปโพสต์เตือนในเฟซบุ๊กดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายทนายความของมูลนิธิสยามรวมใจ ได้อ้างกฎหมายว่า ทางรถมูลนิธิสยามรวมใจได้ขับไปรับผู้ป่วยในวันเกิดเหตุ ดังนั้นกติกาคือ เมื่อเห็นมูลนิธิสยามรวมใจ มาถึงท่านต้องหลบให้ทางซ้าย ซึ่งรถมูลนิธิสยามรวมใจ อยู่ทางขวา ดังนั้น ท่านต้องตบไฟให้เห็นว่าจะไปทางไหน แต่ท่านไม่ได้ทำ การที่เราไปร้องทุกข์กับตำรวจนั้น เป็นเพราะท่านไปโพสต์ลักษณะการขับขี่ของมูลนิธิสยามรวมใจ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของมูลนิธิสยามรวมใจเสียหาย เพราะเราต้องใช้รถทั้งทั่วประเทศ เบื้องต้นแจ้งข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ด้านทนายความ ฝ่ายผู้ช่วยพยาบาล กล่าวว่า วันเกิดเหตุจะเห็นได้ว่ามีตลาดนัด จากในคลิปจะเห็นว่า รถวิ่งออกมาปุ๊บแล้วรถคุณตาลวิ่งด้านขวาอยู่แล้ว ในภาวะเช่นนั้นพอถูกขับจี้จึงไม่ได้หลบทางให้ ทั้งนี้ฝ่าย หนุ่มกรรชัย กล่าวว่า รถมูลนิธิฯมาแต่ไกล ยังไงข้างหน้าก็ต้องเห็นต้องได้ยิน แล้วทำไมถึงไม่หลบ ฝ่ายทนายคนเดิมอ้างว่า คุณตาลเขามองไม่เห็นทางซ้าย ถ้าออกไปแล้วเฉี่ยวชนรถคนอื่น ก็จะยิ่งทำให้เหตุการณ์บานปลาย ขอให้ดูที่เจตนาของลูกความตน

ด้าน น.ส.ตาล กล่าวว่า ตนยอมรับว่าผิดในจุดนี้ ส่วนเรื่องที่โพสต์นั้นข้อความยังไม่ได้ลบออกไปแต่อย่างใด โดย หนุ่ม กรรชัย ถามว่า จะลบไหม ตาลยืนยันว่า “…ลบค่ะเดี๋ยวลบให้..” ทางหนุ่ม กรรชัย จึงถามในประเด็นที่ตาลไปโพสต์เรื่องผู้เสียชีวิตว่า “แล้วไงคะ ตายเพราะพี่เหรอ” ตรงนี้ น.ส.ตาล กล่าวว่า เป็นการหยิบยกเอาประโยคระหว่างสนทนากับชาวเน็ตรายหนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากคิดว่ามีผู้ป่วยในรถ แต่ความจริงไม่มีผู้ป่วย จึงเป็นการตัดเอาข้อความมาโจมตีตนเพียงฝ่ายเดียว

น.ส.ตาล ยังระบุด้วยว่า ตนยอมรับในความผิด และขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ ที่ตั้งทนายมานั้นก็เพื่อจะดำเนินคดี พวกที่เอารูปไปประจาน ข่มขู่ทางแชต สร้างเฟซบุ๊กปลอมสร้างขึ้นมาปั่นกระแส แต่งเรื่องกล่าวหาว่าตนมีลูก แล้วลูกไม่ให้เบรก ซึ่งไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้นทนายความจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับ พวกที่แชตมาข่มขู่ เอารูปมาประจาน ลักษณะหมิ่นประมาทร้ายแรง

“….เรื่องนี้ได้บทเรียน เพราะตัวเองใจร้อนและโพสต์เร็วไปหน่อย หลังเกิดเรื่องทำให้เข้าใจมากขึ้น ยืนยันในตอนนั้นกลัวจะเกิดอุบัติเหตุจริง ๆ แต่ก็ผิดที่ไม่ได้ตบไปส่งสัญญาณให้เขาทราบ…” น.ส.ตาล กล่าว

ด้าน ทนายความฝ่ายผู้ช่วยพยาบาล กล่าวด้วยว่า ตนยังไม่เห็นเรื่องที่อีกฝ่ายไปแจ้งตำรวจเอาผิดลูกความตนในเรื่องหมิ่นประมาท ส่วนตัวไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะพร้อมจะสู้คดีโดยจะฟ้องกลับไปแน่นอน เนื่องจากพบเห็นการเอาข้อมูลมาโพสต์ มีการแท็กชื่อลูกความตนเช่นกัน ขณะที่ ตัวแทนมูลนิธิสยามฯ กล่าวว่า เรื่องนี้มันจะจบเลยหากมีการโทรฯคุยกัน แต่นี่คือเอาไปโพสต์ในเพจสาธารณะ ก็ต้องอธิบายไปตามเหตุผล

หนุ่ม กรรชัย ได้ถามฝ่ายทนายของ น.ส.ตาล ถึงประเด็นญาติผู้เสียชีวิตว่า ถ้าเป็นเหตุการณ์ลักษณะนี้เขาจะฟ้องได้ไหม? สมมุติคนป่วยรอรถกู้ภัยมา แล้วมีรถไม่ยอมหลบให้ ตรงนี้จะทำอย่างไรต่อไป ทางทนายความจึงให้ความเห็นว่า ปกติสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน กำหนดเรื่องนี้ไว้ ปฏิบัติงานไม่เกิน 8 นาที หากพิสูจน์ได้ว่า การหยุดหายใจไปแล้วตามข้อมูลทางการแพทย์ สามารถยื้อชีวิตกลับมาได้ในเวลาประมาณเท่าไหร่ หากการขวางทางดังกล่าวส่งผลต่อการเสียชีวิตจริง ถึงจะสามารถไปฟ้องร้องได้ ซึ่งก็ยังต้องไปดูกันที่เจตนาอีก ตรงนี้ต้องไปดูว่า ฝ่ายญาติผู้ตายจะพิสูจน์เรื่องราวแล้วนำมาฟ้องหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายแบงก์ คนขับรถมูลนิธิสยามรวมใจ กล่าวว่า ตนขอโทษที่ทำให้ “พี่ตาล” ตกใจ เจตนาของตนคือไปรับคนป่วยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาทำให้หวาดกลัวหรือเป็นเรื่องขึ้นมา

ในช่วงท้ายรายการ หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ได้ถาม น.ส.ตาล เป็นคำถามสุดท้ายว่า “…ถ้าคนป่วยคนนั้นเป็นญาติคุณจะทำอย่างไร…”

น.ส.ตาล กล่าวว่า “…ตาลเสียใจและขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น จริง ๆ แล้วไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรก็ได้ ตาลขอโทษจริง ๆ ค่ะ ณ วันนั้น ตาลไม่ได้มีเจตนาจริง ๆ อยากให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ถูกใจใครไม่ถูกใจใคร ขอโทษ ทุกคอมเมนต์น้อมรับหมดและขอโทษ เรื่องราวที่เกิดขึ้น…”