เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานางสาวจิราภรณ์ เทพบุตร อายุ 44 ปี แม่ค้าตลาดนัด พร้อมลูกสาวเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อำนาจ กาหลง ผกก.สน.สายไหม และ พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย รอง ผกก.สส.สน.สายไหม เพื่อดำเนินคดีกับเซลเงินกู้ดอกเบี้ยโหด หลังนำกาวร้อนหยอดที่รูกุญแจบ้าน พร้อมนำป้ายข้อความแขวนประจานที่ประตูบ้านเขียนว่า “เงินกู้เอามาคืน”

นายเอกภพ กล่าวว่า เมื่อคืนช่วงเวลาตีสามรับแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแม่ค้าตลาดนัดสายไหม แจ้งข้อมูลผ่านเพจว่า เมื่อช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้หยิบยืมเงินจากแก๊งเงินกู้รายนี้ เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท ซึ่งได้เงินมา 16,000 บาท โดยคิดดอกรายวัน วันละ 400 บาท ยังไม่รวมเงินต้น ซึ่งมาถึงวันนี้ดอกที่ส่งไปคาดว่าเกินจำนวนเงินต้นแล้ว กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เสียหายติดโควิด เลยไม่ได้ออกไปขายของ ทำให้ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ซึ่งผู้เสียหายกู้เงินมาประมาณ 3-4 เจ้า แต่เจ้าอื่นก็คุยกันเข้าใจทำให้ไม่มีปัญหา ปรากฏว่ามีเจ้าหนี้รายนี้ที่ไม่ยอมและบังคับให้ผู้เสียหายไปกู้เงินจากที่อื่นเพื่อมาให้ตน แต่ทางผู้เสียหายไม่สามารถทำได้ เนื่องจากรู้ว่าไม่มีเงินที่จะส่ง ซึ่งก่อนหน้าที่ผู้เสียหายจ่ายดอกตรงมาโดยตลอด แต่เมื่อมาติดโควิดไม่ได้ขายของ เซลงินกู้รายนี้กลับไม่ยอม ต่อมาหลังจากผู้เสียหายได้หายป่วยโควิดได้ 2 วัน ก็ออกไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมขายของเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านประมาณตี 1 ก็พบว่า กุญแจบ้านถูกกาวร้อนหยอดที่รูกุญแจ และมีกุญแจอีกตัวนึงล็อกบ้านไว้ ทางทีมสายไหมต้องรอดจึงต้องเข้าไปตัดลูกกุญแจออกให้

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายพยายามเดินหาเพื่อนบ้านและนั่งรอว่าจะมีรถผ่านมาเพื่อจะเรียกให้ช่วย จนถึงช่วงตีสาม เดินทางไปที่โรงพักแต่ไม่กล้าแจ้งความ เนื่องจากกลัวแก๊งเงินกู้จะตามฆ่า และจะให้ลูกนอนที่โรงพัก จึงตัดสินใจกลับไปบ้าน ก่อนที่ลูกจะแนะนำให้แม่ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด

นางสาวจิราภรณ์ กล่าวว่า กู้เงินจากที่เห็นใบปลิวที่ตลาด สาเหตุที่กู้เพราะจะนำไปจ่ายค่าบ้าน ช่วยพี่สาวที่ป่วย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ และนำเงินไปลงทุนขายของ รวมถึงจ่ายหนี้รายวันที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว เมื่อขายของเสร็จทุนก็หมดต้องหาเพิ่ม ไม่งั้นเจ้าหนี้จะไปบ้าน ไปรุมด่าจนไม่กล้าอยู่บ้าน ต้องพาลูกออกมาเดินตากฝนตามป้ายรถเมล์ พร้อมกับร่ำไห้ว่า “อยู่ไม่ได้จริงๆ ไม่อยากเป็นหนี้เลย” หากไม่มีเงินจ่ายค่าบ้านเจ้าหนี้ก็ไม่ยอม

“ตนกู้เงินมาทั้งหมด 3 เจ้า เจ้าละ 8 พันบาท เป็นดอกลอย เจ้าอื่นยังพอคุยได้ มีเจ้านี้ที่บอกว่าต้องจ่ายมา ไม่งั้นต้องหาเงินมาให้ได้ บางวันส่งคนมากดออดประตูเขย่าหน้าบ้าน เพื่อจะเอาเงินให้ได้ แม้เงินในบัญชีมีแค่ 150 บาท ก็ต้องโอนให้เขา ถ้าจ่ายไม่ครบนอนไม่ได้เลย มีครั้งนี้ที่หนักสุด และยังขู่ว่าจะเผาบ้าน ทำร้ายร่างกาย อย่าให้เจอนะ อยากลองของก็เอา..” น.ส.จิราภรณ์ กล่าว

นายเอกภพ กล่าวต่อว่า เซลที่ดีก็มี แต่ไม่ใช่ว่าไม่ผิดกฎหมาย หากปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดมันผิดอยู่แล้ว ซึ่งการกระทำแบบนี้คือบ้านป่าเมืองเถื่อน และไม่เคยมีในพื้นที่สายไหม คาดว่ามาจากต่างถิ่น ต้องเข้าใจคำว่าหาเช้ากินค่ำ เช้าขายของกลับมาซื้อข้าวมากินเงินก็หมดแล้ว เช้าก็ไปขายของวันไหนฝนตกไม่มีเงินลงทุนก็ต้องหา ตนมองว่าเซลปล่อยเงินกู้ทำนาบนหลังคน เก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20-30-60 เพียง 3 เดือนก็คืนทุน ทั้งนี้จะแจ้งทุกข้อกล่าวหาที่มีทั้งปล่อยเงินกู้ไม่ได้รับอนุญาต และเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ข่มขู่คุกคาม และทำให้เสียทรัพย์

ด้าน พ.ต.อ.กาหลง กล่าวว่า เบื้องต้นทางฝ่ายสืบสวนตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเข้ามาและจะติดต่อเรียกมาพูดคุย รวมถึงเงินกู้เจ้าอื่นๆ ด้วย เนื่องจากผู้เสียหายกู้เงินมาจากหลายเจ้า โดยจะให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำทั้งผู้เสียหายเพิ่มเติมอย่างละเอียดเพื่อรวบรวมข้อมูล หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการตามข้อกฎหมาย ซึ่งจะต้องแก้ปัญหานี้ต่อไป