วันที่ 31 ก.ค. ที่จังหวัดอุทัยธานี จากสภาวะสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ยังคงทยอยปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่งผลกระทบด้านต้นทุนการผลิตกับกลุ่มอาชีพประกอบอาหาร ก่อนมาถึงคิวกลุ่มเบเกอร์รี่ ที่ตอนนี้พบว่า ต้นทุนวัตถุดิบในการทำเบเกอร์รี่นั้นทยอยปรับขึ้นราคาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแป้งเค้ก แป้งสาลี ไข่ เนย น้ำมัน ที่พบว่ามีการปรับขึ้นราคามาแล้วทุกรายการ รวมไปถึงน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญของการทำเบเกอรี่ ที่ 1 ส.ค. นี้ จะมีการปรับขึ้นราคาอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ทำให้ขณะนี้ ร้านทำขนมปังเบเกอรี่ ต่างต้องเพิ่มต้นทุนวัตถุดิบ อย่างเลี่ยงไม่ได้ทุกราย โดยบางร้านเริ่มมีการปรับขึ้นราคาขาย แต่ก็ยังมีบางร้านที่ยังคงแบกต้นทุนและพยุงราคาขายไว้ในราคาเดิม ด้วยเช่นกัน

อย่างที่ร้าน “กลางนาเบเกอรี่” ร้านทำขนมปังเบเกอรี่ ขายในราคาเพียงชิ้นละ 4 บาท จากฝีมืออดีตเชฟโรงแรมและเชฟสายการบินดัง หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากพิษทางการเมืองครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ตัดสินใจพาภรรยาหิ้วกระเป๋ากลับบ้านเกิดจังหวัดอุทัยธานี ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัวที่ประกอบอาชีพทำนากันเป็นหลัก ลองวัดดวงจับมือกับภรรยานำความสามารถที่มีมาทำขนมปังเบเกอรี่ขายกลางทุ่งนา ทำเบเกอรี่ที่ปกติร้านทั่วไปขายในราคา 10-40 บาท ส่งขายให้คนในจังหวัดได้กินกันราคาเพียง 4 บาทเท่านั้น ซึ่งเบเกอรี่ที่ร้านนั้นมีทั้ง ขนมปังหน้าหมูหยอง ขนมปังไส้กรอก ขนมปังไส้ครีม ขนมปังสังขยา ขนมปังไส้ใบเตย ขนมปังหน้าแฮม ขนมปังพิซซ่า เค้กกล้วยหอม คุ๊กกี้ และ ขนมปังหอย และ ขนมปังมื้อเช้า อย่างแซนวิช และแฮมเบอร์เกอร์ มียอดการผลิตอยู่ที่วันละ 1,000 ชิ้น ที่ทั้งรสชาติดี สดใหม่ และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ที่มีลูกค้ามาสั่งซื้อทุกวัน

นายนพวงศ์ เฉลยขุน อายุ 45 ปี อดีตเชฟสายการบิน เล่าว่า ช่วงนี้แม้ต้นทุนวัตถุดิบ จะปรับขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น แป้งสาลียกลัง กล่องละ 10 กิโล 10 ถุง จากเดิมกล่องละ 410 บาท จากเดิมกล่องละ 430 บาท เฉลี่ยขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาท ส่วนน้ำตาลทรายนั้นก็ปรับขึ้นมาแล้วด้วยเช่นเดียวกัน โดยน้ำตาลทรายขาวถุง 5 กิโลกรัม ตอนนี้อยู่ที่ราคา 104 บาท จากเดิม 98 บาท ไข่ไก่ก็ปรับขึ้นมาอีกแผงละ 2-3 บาท ส่วนน้ำมันพืชตอนนี้ปรับลดราคาลงมา ซื้อยกลังจะอยู่ที่ขวดละ 59 บาท แต่โดยรวมแล้วต้นทุนวัตถุดิบตอนนี้มีการปรับขึ้นราคามาเกือบทั้งหมด ทำให้ตนเองมีต้นทุนการผลิตเพิ่มมากขึ้นตามมา ซึ่งในแต่ละวันจะต้องใช้วัตถุดิบต่างๆอยู่ที่วันละกว่า 10 กิโลกรัม อย่างน้ำตาลทราย ที่ร้านจะใช้อยู่ที่วันละ 15 กิโลกรัม เฉลี่ยเดือนละ 450-500 กิโลกรัม

“แต่ตอนนี้ก็ยังคงขายเบเกอรี่ ในราคาชิ้นละ 4 บาท อยู่เหมือนเดิม ซึ่งตนเองเลือกที่จะไม่ขึ้นราคาขาย แต่ปรับตัวด้วยการทำยอดการผลิตให้ได้มากขึ้นเพื่อให้ได้กำไรเท่าเดิม อย่างตอนนี้จะทำเบเกอรี่ ส่งขายอยู่ที่วันละ 1,000-1,500 ชิ้น จากแต่ก่อน 800-900 ชิ้น ก็สามารถหยุดพักเตาได้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของที่ร้านตอนนี้ จะเป็นร้านค้าสหกรณ์ของโรงเรียน ร้านค้าต่างๆในหมู่บ้าน และจัดชุดเบรคของส่วนราชการ และงานพิธีต่างๆด้วยตอนนี้ เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ประกอบกับต้นทุนการทำที่เพิ่มมากขึ้น อย่างน้ำทรายที่ต่อวัน แต่ก็ยังถือว่าพออยู่ได้ มีกำไรเข้าบ้านวันละ 500 – 800 บาทต่อวัน โดยขนมปังทุกอย่างที่ร้านจะยังคงขายในราคาชิ้นละ 4 บาทเหมือนเดิม แม้กำไรจะน้อย แต่ถือเป็นรายได้ที่ตนนั้นภูมิใจมากที่ได้ดูแลครอบครัวและได้ทำในสิ่งที่รักไปด้วย” อดีตเชฟสายการบิน กล่าว