เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 1 ส.ค. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์เปิดใจก่อนเข้าร่วมประชุมวิสามัญพรรคพลังชาติไทย ครั้งที่ 1/2565 ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรครวมแผ่นดิน ว่า เหตุผลจริงๆ แล้ว ตนทำการเมืองมาระยะหนึ่ง ไปเจอกับสิ่งที่เราได้เห็น และยังมีสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ซึ่งคิดว่าหากปล่อยทิ้งไปจะไม่ดี อีกทั้งยังมีคนที่เราพาเข้ามาในการเมือง ตอนนี้เขาไม่มีที่พึ่ง ตนจึงต้องกลับมา หาบ้านให้เขาอยู่ให้เรียบร้อย นี่คือเหตุผล ส่วนคนที่จะมาร่วมงานด้วยนั้น ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคเดิมที่ตามมาด้วย มีหลายคนที่เขาอยากเล่นการเมือง จึงมาอยู่ร่วมกันในพรรคนี้ และต้องการหาพรรคการเมืองใหม่ที่ให้ตนเป็นผู้นำ จึงขอกลับมาอีกครั้ง เพราะเราไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า จะมีกลุ่ม ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยและกลุ่มพรรคเล็ก โดยเฉพาะกลุ่ม 16 เข้ามาร่วมงานด้วยหรือไม่ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยคุยกับใครทั้งสิ้น แต่ในส่วนของพรรคพลังชาติไทย มี ส.ส.คนเดียว คือ นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ก็ได้คุยกันอยู่แค่นั้น ยังไม่เคยคุยกับคนอื่น พร้อมยืนยันว่าไม่มีการดีลกับพรรคเล็กตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่วนที่สื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปลง ไม่ทราบว่ามาจากใคร แต่ยืนยันว่า ไม่เคยคุยกับใครแน่นอน

เมื่อถามต่อว่าพรรครวมแผ่นดินจะเป็นพรรคอะไหล่ พรรคแตกแบงก์พันหรือไม่ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ไม่จริง เพราะตนมาทำทุกอย่างก็เพื่อสมาชิกพรรคเดิม ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน สุดท้ายเขาไม่มีที่ไป เมื่อไม่มีที่ไปก็ต้องหาบ้านให้เขาอยู่ ไหนๆ มาแล้วก็จะต้องทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชนต่อ

เมื่อถามอีกว่า ได้พูดคุยกับพ ล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนมาตั้งพรรคหรือไม่ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไม่เกี่ยว ที่ตนทำตรงนี้ ทำเพื่อสมาชิกพรรคเก่าที่เขาเดินตามตนมา เมื่อถึงเวลาจะทิ้งเขาไม่ได้ มันดูไม่ดี จึงต้องกลับมาดูแลเขาต่อ ส่วนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พล.อ.วิชญ์ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ต้องทำในส่วนของเรา ให้ดีที่สุด ส่วนสูตรจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสภาจะพิจารณา เราไม่มีสิทธิไปก้าวล่วง

เมื่อถามอีกว่าพรรครวมแผ่นดิน จะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า หากคิดว่าใครเหมาะสมมากที่สุดในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อถึงเวลาอาจมีคนที่ดีหรือใครก็แล้วแต่ที่เข้ามาช่วยบ้านเมืองแบบจริงจัง เราก็สนับสนุน ขณะที่จุดยืนของพรรค ก็ทำพรรคการเมืองนี้ให้เป็นของประชาชนจริงๆ และทำงานให้กับประชาชน ไม่มีอย่างอื่นแน่นอน.