เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ ที่ศาลา 3 วัดไทร แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง นายณรงค์ รักท้วม บิดา พร้อมครอบครัวของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่อยู่ในรถเก๋ง ที่ถูกคานสะพานลอยกลับรถหล่นทับรถยนต์ ช่วง กม.34 ถนนพระราม 2 ใกล้โรงพยาบาลวิภาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จนทำให้เสียชีวิต โดยนำร่าง น.ส.สุวรรณี มาตั้งสวดอภิธรรมศพเป็นคืนแรก จากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของญาติ และเพื่อนร่วมงานเดินที่เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ โดยจะสวดอภิธรรมเป็นเวลา 5 วัน

ด้าน นายณรงค์ รักท้วม พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้โทรฯ มาหาตน เพื่อที่จะซื้ออาหารมาฝาก ตนยังบอกว่าให้ขับรถดีๆ แต่พอวางสายไปได้ประมาณ 5 นาที กลับมีคนโทรฯ มาบอกข่าวร้าย ตอนแรกตนคิดว่าแค่ขับรถชนเสาแบริเออร์ คงไม่เป็นอะไรมาก แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ แล้วเห็นรถก็พูดอะไรไม่ออก ทำใจลำบาก ซึ่งลูกสาวเป็นคนร่าเริง ช่วยเหลือครอบครัว ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะต้องมาจัดงานศพให้ลูก ตนไม่รู้จะพูดอะไร พูดไม่ออก ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าจะมีการก่อสร้างก็ควรกั้นบริเวณที่มีการก่อสร้าง เพื่อความปลอดภัย ควรคำนึงถึงอุบัติเหตุ เพราะถนนเส้นดังกล่าวมีคนใช้สัญจรจำนวนมาก ส่วนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ตอนนี้ยังไม่ได้คิด ขอทำใจก่อน ซึ่งค่าเสียหายเท่าไหร่ ก็คงไม่คุ้มกับชีวิตที่เสียไป

ต่อมา นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เดินทางมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม พร้อมพูดคุยและแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิตพร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น

โดย นายสราวุธ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิต โดยกรมทางหลวงจะดูแลค่าเสียหายอย่างเต็มที่ และจะออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพทั้งหมด รวมถึงเงินเยียวยา โดยให้ทางญาติของผู้เสียชีวิต กลับไปคิดและมาพูดคุยกันอีกครั้งว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร ส่วนผู้บาดเจ็บอีกราย จะติดต่อขอชดเชย ค่ารักษาพยาบาลและในเรื่องของทรัพย์สินที่เสียหาย ซึ่งกรมทางหลวงจะออกให้ทั้งหมด ส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิตที่เป็นพนักงานราชการของกรมทางหลวง ซึ่งมีระเบียบในการเยียวยา เบื้องต้นจะได้รับเงินเยียวยา 70% ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 10 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 1,300,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นที่เป็นพนักงานเช่นเดียวกัน จะมีการชดเชยเป็นรายวัน ซึ่งกรมทางหลวงมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว

นายสราวุธ เผยอีกว่า หลังเกิดเหตุทางกรมทางหลวงส่วนกลาง พร้อมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นมาอีก และสั่งไม่ให้มีการจราจรผ่านจุดเกิดเหตุ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลภายใน 14 วัน โดยการตรวจสอบมีหลายประเด็นเช่นการตรวจสอบว่าการดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ หรือเกิดจากความประมาทในขั้นตอนใด เบื้องต้นจากการลงพื้นที่พร้อมกับการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน สันนิษฐานการเกิดเหตุได้ 2 ข้อ คือ การทุบพื้นสะพานออกเพื่อที่จะทำขึ้นมาใหม่ ทำให้น้ำหนักพื้นสะพานเดิมที่มีอยู่หายไป และทำให้น้ำหนักกดลงที่คานเดิมได้น้อยลง จนเกิดการเคลื่อนตัวที่คานทั้ง 2 ด้าน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมามีฝนตกจำนวนมาก ทำให้มีน้ำไปขังจนเกิดคานเดินเคลื่อนตัว ส่วนสาเหตุที่ 2 สันนิษฐานว่า สะพานกลับรถดังกล่าวถูกสร้างมานานแล้ว ประมาณ 29 ปี ทำให้สภาพโดยทั่วไปอาจจะไม่สมบูรณ์