เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.กาญจนบุรี จุดแรก ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ที่โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่ง วันนี้ได้ถือโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียนและมาดูผลงานของรัฐบาล มีความสุข เพราะอย่างน้อยก็เห็นในสิ่งที่ทำสำเร็จ ส่วนอะไรไม่สำเร็จก็ทำต่อไป ทุกอย่างรวมอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เหมือนสร้างถนนเส้นหนึ่ง ไม่ได้สร้างเสร็จในปีเดียว

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พักถอนหายใจสักครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า พูดมาทั้งชีวิตก็เหนื่อยเหมือนกัน มันต้องทำด้วย พูดปากเปล่าไม่ได้ และกำลังคิดว่าพูดครบแล้วหรือยัง เพราะพวกเราคิดกันมาตลอดเยอะมาก ฝากข้าราชการไว้ด้วยแล้วกัน ต้องเข้าเกียร์ตลอด เกียร์ว่างไม่ได้อยู่แล้ว

จากนั้นมีประชาชนตะโกนถามนายกฯ ถึงเรื่องน้ำมันแพง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบว่า น้ำมันแพงก็คือปัญหา ตนไม่อยากจะแก้ตัวอย่างอื่น แต่ต้องดูว่าน้ำมันแพง น้ำมันมาจากไหน ไม่ว่าจะซื้อจากไหนก็ตาม มันก็ต้องเข้าไปสู่ราคากลางและมีค่าขนส่ง ไม่ใช่ว่าซื้อเท่านี้แล้วขายเท่านี้ได้เลย แต่ถูกควบคุมด้วยกลไกของโลกเรื่องพลังงาน แต่สิ่งที่รัฐบาลทำได้ตอนนี้คือหาเงินมาอุดหนุน วันนี้อยู่ที่ 40-45 บาท และที่ผ่านมาเราพยายามคงไว้ได้นานที่สุดในราคา 35 ซึ่งถูกกว่าหลายประเทศรอบบ้าน แต่อย่าไปเทียบกับเมียนมาหรือมาเลเซีย เพราะมีแหล่งพลังงานที่มากกว่าไทย

“ถ้าลดได้ขนาดนั้นมันก็ดี แต่สถานการณ์มันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ถ้ายังรบกันอยู่แบบนี้มันก็มี 2-3 ค่าย เรื่องการผลิตน้ำมันที่เป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ไม่ยอมลดราคากันเลย สู้กันอยู่นี่ เราก็พยายามจะไปให้ได้ มันก็มีผลตามไปสู่เรื่องต้นทุนการผลิต ต้นทุนอาหารอะไรต่างๆ ซึ่งเราพยายามเบรกให้ได้มากที่สุด” นายกฯ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านถามนายกฯ ถึงเรื่องของแพง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็ห็นใจ แต่วันนี้ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลพยายามขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรึงราคาสินค้าไปแล้วกว่า 100 รายการ หลายอย่างอึดอัดด้วยกันทั้งหมด เพราะต้นทุนก็สูง และอย่าลืมว่าทั้งหมดเป็นห่วงโซ่ ถ้าบีบมากๆ โรงงานจะปิด ซึ่งตนไม่ได้เอาใจ แต่เป็นธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน ถ้าปิดหมดแล้วเราจะเอาอะไรกิน เพียงแต่ต้องคิดราคาให้เป็นธรรม วันนี้ขอพูดเปิดอก เราต้องมอง 2 ทางเสมอ ถ้ามองเฉพาะเราก็รู้ว่าเราเดือดร้อน ซึ่งตนเข้าใจ แต่ถ้ามองภาพใหญ่ออกมา วันนี้เราต้องเปิดหลักคิดใหม่ โดยเฉพาะประชาชน ซึ่งตนไม่โทษใคร แต่ต้องคิดว่าเหมือนเรามีพี่น้องครอบครัวลูกหลานหลายคน เราจะดูแลลูกแต่ละคนอย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็ทำเช่นนี้ไม่ให้ใครล้ม

“เดี๋ยวก็จะดีขึ้น อยู่ที่เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร ในช่วงนี้อาจจะลำบากหน่อย อดทนหน่อยแล้วกัน ผมอดทน ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรที่มันฟุ่มเฟือยเลย กินก็ปกติธรรมดากับเขา เที่ยวเตร่ก็ไม่ได้ไปไหน เป็นนายกฯ ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว มันลำบาก ลูกน้องก็ห่วง ผมไม่เคยไปไหนมาเป็น 10 ปี ทำงานกลับบ้าน ตรวจเยี่ยม ประชุม หมดแล้วชีวิต ผมไม่บ่น บ่นเดี๋ยวคนไล่ออกอีก เล่าให้ฟังว่าเป็นนายกฯ มันไม่สบายนักหรอก วันนี้ถือว่าได้มาพบกับพ่อแม่พี่น้อง เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวคนไทยรักทุกคน” นายกฯ กล่าว.