เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ว่า ตนได้เรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการส่งผู้ต้องขังออกไปทำงาน พร้อมสั่งการให้บูรณาการร่วมกับกรมคุมประพฤติ ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องกำไลอีเอ็ม เพราะการจะส่งผู้ต้องขังออกไปทำงานต้องติดกำไลอีเอ็มเพื่อควบคุมในเรื่องของความปลอดภัย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้จะช่วยแก้ปัญหาที่สุมเอาไว้ คือ ผู้ต้องขังจำนวนไม่น้อยเมื่อพ้นโทษก็จะออกไปกระทำผิดซ้ำ ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมจึงต้องปรับเป็นกระทรวงกึ่งหางาน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับผู้ต้องขังที่ใกล้จะพ้นโทษแล้ว จากข้อมูลพบว่าสาเหตุที่ผู้พ้นโทษกลับไปทำผิดซ้ำ เนื่องจากไม่มีงานทำ สังคมไม่ยอมรับ จึงเลือกทางผิดแบบเดิม และตอนนี้เราสามารถส่งผู้ต้องขังใส่กำไลอีเอ็มออกไปทำงานได้แล้ว แต่ยังได้จำนวนไม่มากจึงต้องเร่งให้กรมราชทัณฑ์ พิจารณาผู้ต้องขังให้ทันต่อความต้องการของผู้ประกอบการ ขณะนี้มีผู้ประกอบการกว่า 50 บริษัท ต้องการจ้างงานกว่า 1,000 คน ดังนั้น ต้องรีบประสานกรมคุมประพฤติให้เตรียมพร้อมเรื่องกำไลอีเอ็ม และประสานกับผู้ประกอบการล่วงหน้า ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องพยายามลดขั้นตอนและทุกอย่างจะเร็วขึ้น

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรามีองค์กรที่พร้อมเพียงแต่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ทุกสิ่ง โดยในตอนต้นคนยังไม่เยอะเรายังสามารถบูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงานไหว แต่ถ้าเริ่มมีอัตราการจ้างงานที่สูงก็อาจจะต้องตั้งเป็นกรม เพื่อให้มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบมากขึ้น และรวดเร็ว แต่ตอนนี้ตนอยากให้ดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือก่อน ซึ่งจะทำให้การทำงานของเราเร็วขึ้นมาก ส่วนอนาคตถ้าหากกำไลอีเอ็มไม่เพียงพอ ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาว่า จะทำลักษณะใดได้บ้าง เพราะตนต้องการแก้ปัญหานี้แบบยั่งยืน โดยหากผู้ต้องขังมีงานทำในช่วงใกล้พ้นโทษก็จะมีเงินทุนติดตัวไปประกอบอาชีพในอนาคตได้ ซึ่งจะช่วยลดการกลับไปกระทำผิดซ้ำได้อย่างเป็นรูปธรรม