จากกรณี ตำรวจ สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ควบคุมตัวนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี อายุ 27 ปี เจ้าของ Mountain B ที่ไฟไหม้คลอกลูกค้าดับ 15 ศพ เจ็บกว่า 30 คน ส่งพนักงานสอบสวนในข้อกล่าวหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กับ เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวเข้าห้องขังทันทีพร้อมคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยระหว่างการควบคุม นายพงศ์ศิริ มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาและไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆต่อสื่อมวลชน ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ตร.ล็อกคอ ‘เสี่ยบี’ เจ้าของผับมรณะ ‘Mountain B’ เข้าห้องขัง-เครียดปัดตอบสื่อ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ช่วงค่ำวันที่ 6 ส.ค. นางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี ภรรยา “เสี่ยบี” เปิดเผยว่า เหตุการณ์วันนั้นร้านเปิดให้บริการตามปกติ โดยในส่วนของผู้บริหารทั้งเสี่ยบี และตนมีนัดกันว่าจะเข้าไปเช็กซาวน์ในร้านที่ปรับเปลี่ยนใหม่หลังเช็กสต๊อกของเสร็จ โดยมีการนัดช่างที่มาทำการติดตั้งไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าหลังเข้าไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณด้านในก่อนไฟลุกลามขึ้น จากนั้นจึงจะโกนบอกทุกคนว่าไฟไหม้ให้รีบหลบหนีออกมาด้านนอก พร้อมสั่งการให้พนักงานช่วยเหลือลูกค้าที่ติดอยู่ภายในโดยตนก็พยายามวิ่งเข้าไปร่วมด้วย แต่ขณะนั้นเกิดกลุ่มควันดำพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง หลังตั้งสติได้ก็ตัดสินใจโทรแจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง จนการ์ดตะโกนบอกว่าห้ามเข้าภายในกำลังจะระเบิดจึงวิ่งออกมาหลบด้านนอก ก่อนเกิดการระเบิดขึ้นซึ่งมีเปลวไฟโหมออกมาด้านนอกอย่างรุนแรง จึงเข้าไปหลบในห้องด้านนอกซึ่งจังหวะนั้นก็มีผู้บาดเจ็บที่ลำตัวมีเปลวไฟวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจึงพยายามดับไฟและเอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ โดยส่วนตัวยอมรับว่าสภาพของผู้บาดเจ็บเห็นแล้วยังรู้สึกทำใจไม่ได้และเหตุการณ์ถือว่าชุลมุนเป็นอย่างมาก กระทั่งหน่วยกู้ภัยมาถึงจึงร้องขอความช่วยเหลือ

นางอนงค์นาถ เปิดเผยอีกว่าช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทั้งตนและสามี ก็อยู่ในที่เกิดเหตุพยายามช่วยเหลือลูกค้าที่บาดเจ็บไม่ได้หลบหนีไปไหนแต่อย่างใด โดยตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็อยู่โรงพักมาตลอด 2 วันไม่ได้อาบน้ำเนื้อตัวมีแต่กลิ่มไหม้ ขณะที่สภาพจิตใจก็ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ทั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องกราบขออภัยผู้ที่ประสพเหตุและครอบครัวเป็นอย่างมากด้วย ยืนยันไม่มีเจตนาให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ส่วนตนและสามีเป็นเพียงแค่คน 2 คนที่พยายามทำมาหากินเท่านั้น และพร้อมจะรับผิดชอบดูแลทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้ว่าสิ่งที่พูดจะไม่สามารถชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็ตามซึ่งต้องขอโทษจากใจจริงๆ

“ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีคนมีสีมาเอี่ยวนั้นมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังนั้น เรื่องจริงคือไม่มีใครมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ความคิดของตนและสามีเท่านั้นที่อยากเปิดกิจการเป็นของตัวเอง เพื่อทำธุรกิจหารายได้ดำเนินชีวิต” นางอนงค์นาถ กล่าวทิ้งท้าย