จากกรณีเหตุสุดสลดเมื่อ นายเอ (นามสมมุติ) ชาว จ.บุรีรัมย์ อายุ 44 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธมีดตัดอ้อยฟันใบหน้า ลำคอ แขน ของ น.ส.บี (นามสมมุติ) ภรรยาชาวลาววัย อายุ 35 ปี ที่อยู่กินกันมานานกว่า 11 ปี เสียชีวิตคาบ้านพักใน อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะผูกคอตัวเองตายตาม ดังที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายดำ (นามสมมุติ) อายุ 69 ปี พ่อของนายเอ เปิดเผยว่า ตนอยู่บ้านคนละหลังกับลูกชาย ที่ผ่านมาไม่ค่อยเห็นทั้งลูกชายทะเลาะกับลูกสะใภ้อย่างรุนแรงมาก่อน ทำให้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ ส่วนหนึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นเพราะความอาถรรพณ์จากจอมปลวกที่เกิดในบ้าน แล้วลูกชายไม่ยอมรื้อออก จากนี้จะได้หาฤกษ์วันดี นิมนต์พระไปทำพิธีสวดรื้อถอน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายในพื้นที่อีก

ด้าน นางอ่าง (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี แม่ค้าขายของชำในหมู่บ้าน เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.บี เคยมาเล่าให้ฟังว่า อยากพาลูกชายอายุ 10 ปี กลับไปอยู่ที่บ้านประเทศ สปป.ลาว แต่ฝ่ายสามีคิดมาก จึงมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง คาดว่าน่าจะเกิดความหึงหวง เกรงว่าภรรยาจะกลับอยู่ที่บ้านเกิด แล้วจะปันใจไปแต่งงานใหม่

ด้าน นายน้อย (นามสมมุติ) อายุ 64 ปี ชาวบ้านในพื้นที่เล่าให้ฟังว่า สามี-ภรรยา ที่เสียชีวิตมีพฤติกรรมแปลก พอมีจอมปลวกมาเกิดขึ้นในบ้าน เคยมีชาวบ้านหลายคนทักท้วงให้เอาออก กลับไม่ยอมเอาออก แถมยังทำเหมือนจะเลี้ยงเอาไว้ ทั้งนี้ ตามความเชื่อของคนในพื้นที่นั้น เมื่อมีจอมปลวกเกิดขึ้นในบ้าน นอกจากจะทำให้บ้านพังทรุดเพราะปลวกกัดกินแล้ว ยังถือเป็นเรื่องไม่เป็นมงคล พอมาเกิดเรื่องเลวร้ายถึงขั้นฆ่ากันตาย จึงทำให้ชาวบ้านต่างลือกันไปว่าเป็นเพราะอาถรรพณ์ “จอมปลวกผีสิง” หากปล่อยไว้นาน ก็อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาอีกก็เป็นได้.