เมื่อวันที่ 8 ส.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตนเคยอภิปรายเรื่องนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 และหลังวันที่ 23 ส.ค.65 ไม่สามารถจะอยู่ในตำแหน่งนายกต่อไปได้ อย่างไรก็ต้องลาออก ถ้าไม่ลาออกตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. เป็นต้นไป ไม่ว่าจะไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอะไร หรือไปประชุมทำสัญญาผูกพันองค์กรใดๆ ทั้งในและต่างประเทศ จะถือเป็นโมฆะหมด

“วันที่ 24 ส.ค. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้แล้ว ถ้ายังจะทำหน้าที่ต่อ คณะรัฐมนตรีที่ร่วมคุณต้องขอลาออกเสีย ถ้าไม่ลาออก ยังเป็นรัฐมนตรีต่อไปเท่ากับว่าสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กระทำความผิด รัฐมนตรีเหล่านี้ต้องรับโทษ 2 ใน 3 ส่วนสภาฯ ถ้ายังให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำกิจกรรมกับสภา สภาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ และจะเราฟ้องดำเนินคดีในกรณีสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”

ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ายื่นคำร้องต่อประธาน กกต. ขอให้เอาผิดกับพรรคการขนาดเล็ก กรณีมีกระแสข่าว ส.ส.พรรคการเมืองขนาดเล็กรับเงินจากพรรคการเมืองใหญ่เพื่อแลกกับการโหวตลงมติไว้วางใจรัฐบาล รวมทั้งตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายพรรคการเมืองใหญ่ครอบงำ ชี้นำในการดำเนินกิจกรรมการทางการเมือง เข้าข่ายขัดมาตรา 28 มาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นเหตุให้ยุบพรรค 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า บรรดาพรรคเล็ก ที่ชอบกินกล้วย ต้องหันไปซบพรรคใหญ่ ส่วนใหญ่ก็คือพรรคพลังประชารัฐ และปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐเข้าครอบงำ โดยไปรับเงินรายเดือนจากเขา เช่น พรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคครูเพื่อประชาชน พรรคพลังชาติไทย ที่ไปพบปะกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้จ่ายเงิน แม้แกนนำพรรคการเมืองขนาดเล็กเหล่านี้จะอ้างว่าเงินที่ได้รับเงินกู้ ก็ไม่น่าเชื่อถือ ตรงนี้เรามีคลิปเสียงหัวหน้าพรรค 7 พรรค ที่พูดสารภาพว่ารับเงินจริงเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน ตรงนี้ถือว่าเป็นกระทำที่ผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคเมือง คนที่ยินยอมให้เขาครอบงำ ควบคุมพรรค ก็จะผิดตามมาตรา 28 ซึ่งมีโทษถึงยุบพรรค

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าไปครอบงำเขาจะมีโทษหนักกว่า โดยหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 1 -5 แสนบาท       

“ในอดีตพรรคไทยรักไทย เคยเข้าไปครอบงำจ้างพรรคเล็กไม่ให้ลงก็ถูกตัดสิทธิไป อันนี้ถ้าว่ากันตรง ๆ ตามพยานหลักฐาน ไม่เอาพลังอำนาจมาจากไหนมาบีบ กกต.กัน ขอให้ กกต.อิสระจริงๆ การกระทำนี้ต้องถือว่าเป็นความผิดทั้งผู้ให้ ผู้รับ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้า กกต.ไม่เบี้ยวนะ พยานหลักฐานที่เรานำมามอบให้ กกต.มา มันชัดเจนสามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ และอีกทางหนึ่ง พรรคกรณีนี้ถือว่ารับทรัพย์สินเกินกว่า 3 พันบาท ได้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.แล้ว” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
               

ทางด้านนายสมชัย กล่าวว่าการที่เรามายื่นวันนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในมาตรา 28 มาตรา 29 เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าการที่บุคคลภายนอกมาครอบงำพรรคการเมืองมีความผิดชัดเจน ซึ่งการเขียนกฎหมายดังกล่าวนั้นก็เพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมของพรรคอย่างเป็นอิสระ ไม่ใช่อยู่ภายใต้อาณัติการชี้นำ การบงการของคนภายนอก เรื่องของพรรคการเมืองที่ครอบงำซึ่งกันและกันนั้นเคยมีคดีแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.พ.49  ขณะนั้นมีเหตุการณ์ที่ว่าพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก โดยการให้พรรคเล็กโกงการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงไม่เกิน 20% ของคนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จากนั้นมีการฟ้อง กกต. และพรรคการเมืองที่กระทำความผิด และ กกต.โดนข้อหาไปสนับสนุนให้พรรคใหญ่ทำผิดได้ ด้วยเหตุที่ว่า กกต.ไปหย่อนเวลาในการรับฟังเพื่อให้มีการเลือกตั้งเร็วๆ และ กกต.ไปอนุญาตให้พรรคเล็กสามารถย้ายพรรค ซึ่งสองข้อกล่าวหานั้น เป็นเพราะ กกต.วางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งครั้งนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือ กกต.ติดคุก และพรรคการเมืองใหญ่นั้นถูกยุบ ดังนั้นหลักฐานในเหตุการณ์ครั้งนี้ ชัดเจนว่ามีการให้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองเป็นรายเดือน มีการโอนเงินเข้าโอนออก ทราบเลขบัญชี มีชื่อคนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องดำเนินการโดยเร็ว และตรงไปตรงมา 

นายสมชัย กล่าวอีกว่า ภายใต้สภาพ กกต.ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ สามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้นถ้า กกต.มีความเห็นสอดคล้องกับการยื่นคำร้องนี้ กกต.ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคที่ผ่านมาในอดีต เชื่อว่าจะดำเนินการได้ 15 วันก็เสร็จ หวังว่าวันนี้ที่เรามายื่นจะทำให้ กกต.ทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา ต้องสื่อสารกับประชาชนว่า เรื่องนี้คืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ดูคะแนนความโปร่งใสของ กกต.คือสอบตก ฉะนั้นเรื่องนี้จะเป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีของ กกต.ว่าทำงานตรงไปตรงมา วันนี้อาจจะมีคนที่ท่านคิดว่าเขาช่วยเหลือท่านอยู่ แต่วันหน้าเรื่องราวเหล่านี้ยังถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ตลอดเวลา จึงอยากขอเตือนในนามคนที่เคยเป็น กกต.มาก่อนว่า เราเองไปปรารถนาจะเห็นคนของ กกต.นั้นเป็นคดีความ หรือจะต้องติดคุกตอนแก่.