เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศูภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในการแถลงข่าวการเฝ้าระวังสายพันธุ์โรคฝีดาษวานร สรุปว่าสายพันธุ์ ที่พบในโลกและไทย เป็นสายพันธุ์แอฟริกันตะวันตก มี B.1 กับ A.2 ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยประมาณ 30,000 คน ส่วนในประเทศไทย ที่พบคนป่วย 4 คน ในจำนวนนี้ 3 คนเป็น A.2 ส่วนชายไทยอายุ 47 ปีที่ รพ.วชิระพยาบาล เป็นสายพันธุ์ B.1 อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สายพันธุ์ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะเป็นสายพันธุ์แอฟริกันตะวันตกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอาการไม่รุนแรง อย่างที่ป่วย 30,000 ราย เสียชีวิต 5 ราย และ 1 ราย ยังมีคำถามกรณีที่เสียชีวิตนั้น เสียชีวิตจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ บางรายอาการหนักโดยมีการติดเชื้อเอชไอวีอยู่ด้วย

“ตอนนี้กรมวิทย์สามารถเพาะเชื้อฝีดาษลิงได้จำนวนไวรัสปริมาณมากพอสมควร สามารถเริ่มกระบวนการทดสอบในคนที่เคยปลูกฝีดาษ โดยเอาเลือดมาทดสอบกับเชื้อฝีดาษลิง ว่าคุ้มกันได้แค่ไหน ที่บอกว่าป้องกันได้ 85% นั้นเป็นจริงหรือไม่ กำลังเปิดรับอาสาสมัคร 3 กลุ่ม คืออายุ 40 ปี, 50 ปี, 60 ปีขึ้นไป จำนวนกลุ่มละ 10 คน รวมทั้งหมดประมาณ 30-40 คน คาดใช้เวลา 1 สัปดาห์ทราบผล” นพ.ศูภกิจ กล่าว

ส่วนเรื่องการตรวจหาเชื้อปัจจุบัน แล็บในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ สามารถยื่นให้กรมวิทย์ ตรวจสอบมาตรฐานแล็บระดับ 2+ อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าหากไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง หรือมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดคนติดเชื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจ ประกอบกับค่าตรวจมีราคาแพง ขณะนี้อยู่ระหว่างรือกันเพื่อปรับลดค่าตรวจให้ถูกลง

สำหรับกรณีมีชาวชาวฝรั่งเศส 1 ราย ที่จังหวัดตราด มีข้อสงสัยเพราะเคยมีไข้ เมื่อประมาณ 1 เดือนมีแผล และส่งตัวอย่างมาตรวจเบื้องต้น สิ่งส่งตรวจจากคอ จากเลือด ผลเป็นลบทั้งหมด ส่วนสิ่งส่งตรวจจากแผล ตัวอย่างที่ส่งมาไม่สมบูรณ์ จึงบอกไม่ได้ อยู่ระหว่างเก็บตัวอย่างตรวจ แต่ต้องย้ำว่ารายนี้มาค่อนข้างช้า.