เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีการเสนอให้ไทยขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ว่า 1.เราต้องแยกแยะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นว่า เป็นด้านพิมพ์เงินมาใช้มากเกินไปแบบสหรัฐ (Demand pull inflation) หรือด้านต้นทุนนำเข้า (Cost push inflation) ออกจากกัน ประเทศไทยเป็น Cost push inflation หากขึ้นดอกเบี้ย ก็จะลดเงินเฟ้อได้น้อยมาก ราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ยก็คงไม่ลดลง แต่จะทำเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวกลับไปถดถอย ทำให้ประชาชนยากจนลงเพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง คนตกงานและรายได้ประชาชนลดลง
2.รัฐบาลต้องดูแลประชาชนให้มีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้นเร็วกว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น การแนะนำให้ขึ้นดอกเบี้ยมากๆ เพื่อ (ก) เพิ่มต้นทุนการกู้ยืมของประชาชน ลดการบริโภค ลดการลงทุน ลดรายได้ภาษีรัฐบาล (ข) เพื่อทำค่าเงินบาทให้แข็งขึ้น เพื่อลดความสามารถในการส่งออกและในการดึงดูดคนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว ทั้ง 2 ประการจะทำให้เศรษฐกิจจริง (GDP) ลดลง ทำให้ประเทศไม่พัฒนา ประชาชนไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ และยากจนลงมากขึ้น
3.ในช่วงนี้จะให้ดี เพื่อลดเงินทุนระยะสั้นไหลออก อาจขึ้นดอกเบี้ยน้อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยดูสถานการณ์โลก เพื่อลดส่วนต่างดอกเบี้ยลงบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องให้ดอกเบี้ยสูงเท่าสหรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าเกินไป เพื่อรักษาอัตราการเพิ่มการส่งออกและการท่องเที่ยวจากต่างชาติ, เพื่อเพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชนและเพิ่มการลงทุน และควรเพิ่มอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ให้เกินอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ทางด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า เงินเฟ้ออันเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบราคาสูงขึ้น (Cost-push Inflation) ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย
ผมไม่เห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยแรง นอกจากจะไม่ได้ผลดี แล้วยังทำลายศักยภาพของกลไกการส่งออกและนำเข้าที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต และการแก้ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เสียในคราวเดียวอีกด้วย สิ่งที่ควรต้องทำคือ คิดหาวิธีเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในทุกภาคส่วน ทั้งคนเมืองและคนชนบทต่างหาก
แม้เงินเฟ้อจะไม่ใช่สิ่งที่พึงปราถนาในภาวะปกติ แต่ถ้าไหนๆจะต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้ออันเกิดจากของแพงระดับโลกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว เราต้องทำให้เราได้ข้อดีของภาวะเงินเฟ้อ ที่ผู้คนมีรายได้ดีขึ้นให้เพียงพอ คือสามารถ “ด้อยค่าหนี้” ทั้งหนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือน
(โพสต์นี้พูดจริง ไม่ได้ประชดเสียดสีผู้รู้ท่านใด ขอเพียงโปรดทบทวนตั้งสติให้ดี… ตัดสินใจผิดชีวิตเปลี่ยน… ตัดสินใจถูกชีวิตดี แม้จะต้องทวนกระแสความคิดที่มักคุ้นชิน)