สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ว่ากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่านับจากนี้เป็นต้นไป “สถานที่ทุกแห่ง” ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนของการสังเกตการณ์ และการตรวจสอบ ตามสนธิสัญญาสันติภาพระดับทวิภาคีกับสหรัฐ ว่าด้วยการลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ ที่เรียกกันว่า “นิว สตาร์ต” นั้น “จะไม่สามารถเข้าถึงได้ชั่วคราว”


ทั้งนี้ รัฐบาลมอสโห้เหตุผลว่า เกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลวอชิงตัน “ต้องการสร้างผลประโยชน์ฝ่ายเดียว” และ “กีดกันสิทธิของรัสเซีย” ในการสังเกตการณ์แบบเดียวกัน บนแผ่นดินของสหรัฐ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร ที่รวมถึงการปิดน่านฟ้าจากเครื่องบินพาณิชย์ของรัสเซีย และการกำหนดเงื่อนไขการออกวีซ่าให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลมอสโก นอกจากนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ยังระบุเกี่ยวกับ การที่สถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ในสหรัฐด้วย


ด้านสหรัฐยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการต่อเรื่องนี้ โดยทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงร่วมกัน เมื่อปีที่แล้ว ในการขยายระยะเวลาของนิว สตาร์ต ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การจำกัดการครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศให้ไม่เกิน 1,550 ลูก ออกไปอีก 5 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในปี 2569


ปัจจุบันรัสเซียและสหรัฐครอบครองหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลกตามลำดับ โดยปริมาณหัวรบนิวเคลียร์ที่ทั้งสองประเทศมีอยู่นั้น รวมกันเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมดบนโลก จึงมีการวิเคราะห์ว่า หากทั้งสองประเทศไม่สามารถต่อสัญญานิว สตาร์ต ที่ถือเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับนิวเคลียร์ “ฉบับสุดท้าย” หรือจัดทำข้อตกลงฉบับใหม่ทดแทนได้ อาจทำให้การแข่งขันด้านอาวุธระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งทวีความรุนแรง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES