สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่า น.ส.ฮันนาห์ ทูเรียน นักศึกษาด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ให้สัมภาษณ์กับ “เวลส์ ออนไลน์” เมื่อไม่นานมานี้ ว่าเธอมีโอกาสใช้ชีวิตที่ประเทศไทยนานระยะหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่อาสาสมัครในโรงเรียน


เมื่อกลับถึงห้องพักที่เวลส์ หลังการเดินทางด้วยเครื่องบินและรถยนต์ กว่า 6,000 ไมล์ส ซึ่งใช้เวลารวมประมาณ 35 ชั่วโมง เธอรื้อกระเป๋าเดินทาง หยิบกล่องบรรจุแปรงสีฟัน และสิ่งของอีกหลายชิ้นออกมาจากกระเป๋า เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันนั้น โดยเธอไม่ได้สังเกตอะไร เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยาวนาน


อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงช่วงเช้า ฮันนาห์กล่าวว่า ในระหว่างที่เธอกำลังสนทนาทางโทรศัพท์กับมารดา เธอตกใจสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างจากในกระเป๋าเดินทาง เธอรีบปิดทัน วิ่งออกมานอกห้อง แล้วกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว หลังจากนั้น เธอและรูมเมตตัดสินใจโทรศัพท์เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยจัดการ แต่ต้องรอข้ามวัน โดยเจ้าหน้าที่กำชับกับฮันนาห์และเพื่อน ว่าห้ามเปิดกระเป๋าเดินทางเด็ดขาด


เมื่อมีการเปิดกระเป๋า ปรากฏว่า มีคางคกตัวหนึ่งกระโดดออกมา ลงในชามที่ฮันนาห์ใส่น้ำรอไว้ คางคกตัวนั้นดูเหนื่อยล้ามาก ตามคำบอกเล่าของฮันนาห์ ซึ่งสังเกตจากผิวของมัน และหญิงสาวตั้งชื่อมันว่า “ร็อบเบิร์ต”


อย่างไรก็ดี หญิงสาวนาม “แจ็คกี้” ซึ่งนิยมการเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ เช่นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลาน ทราบข่าวนี้ และอาสารับร็อบเบิร์ตไปดูแล เธอเปลี่ยนชื่อมันเป็น “ออซซี” ยืนยันว่า คางคกตัวนี้เป็นคางคกเอเชียทั่วไป ไม่มีอันตราย ตอนนี้กินอาหารได้มากขึ้น และดูมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาก


แต่ท้ายที่สุดแล้ว ยังคงเป็นที่สงสัยสำหรับทุกฝ่ายอยู่ดี ว่าออซซีอยู่ในกระเป๋าเดินทางของฮันนาห์ตั้งแต่เมื่อใด และมีชีวิตรอดกับการเดินทางข้ามทวีปบนเครื่องบินได้อย่างไร.

ข้อมูล-ภาพ : WalesOnline