เมื่อวันที่ 10 ส.ค. พ.ต.ต.พิพัฒน์พงศ์ เพิ่มพูล สว.(สอบสวน)สน.บางเขน กรุงเทพฯ รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์มีผู้เสียชีวิต ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้าพหลโยธิน 59 ถนนพหลโยธิน(ฝั่งขาเข้า) แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลภูมิพลฯ และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลน บริเวณเลนกลางพบศพ ร.ต.พิเชษฐ์ รัชพรมงคล อายุ 57 ปี เป็น รปภ.สังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขายาวสีเขียวขี้ม้า มีแจ็คเก็ตสีน้ำเงินคลุมทับ ที่บริเวณกะโหลกศีรษะมีบาดแผลแตกเลือดไหลนองพื้น ขาซ้ายหักผิดรูป ใกล้กันทางช่องเลนขวาสุดพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นจีที สีแดง-ดำทะเบียน ฬวอ 686 กรุงเทพมหานคร ล้มคว่ำอยู่มีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนที่ด้านซ้ายของตัวถัง ใกล้กันยังพบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ต้องสงสัยว่าเป็นของผู้ก่อเหตุตกอยู่ 1 แผ่น ทะเบียน 1 กณ 2269 กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า เห็นรถจักรยานยนต์ขับมาบริเวณเลนกลางหลังจากที่ได้กลับรถบริเวณกรมทหารสื่อสาร ทันใดนั้นมีรถเก๋งสีดำจำได้ว่าเป็นยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส พุ่งชนเข้าบริเวณแถบซ้ายทำให้ทั้งคนและรถจักรยานยนต์กระเด็นไปคนละทิศละทาง ก่อนคนขับรถคันดังกล่าวจะขับหลบหนีมุ่งหน้าบริเวณแยกบางเขน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุปรากฏว่าพบรถโตโยต้า รุ่นยาริส สีดำ ที่ผู้ก่อเหตุนำมาจอดทิ้งไว้ภายในซอยรามอินทรา 21 แยก 12 ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 5 เมตร โดยสภาพรถมีร่องรอยการชนอย่างแรงทำกระจกหน้าด้านขวาแตก ยางหน้าขวาแตก กันชนหน้าหลุด ไฟหน้าฝั่งขวาแตก โดยแผ่นทะเบียนด้านหน้ารถหลุดปรากฏว่าเป็นเลขทะเบียนตรงกัน โดยภายในมีมาตรวัดวางเรียงรายอยู่บริเวณคอนโซลหน้ารถ มีลักษณะเป็นรถแต่งซิ่ง เจ้าหน้าที่จึงประสานรถยกนำไปตรวจสอบ

กระทั่งตำรวจสายตรวจ 191 ได้สืบสวนจนสามารถจับกุมตัวนายพุฒิพัฒน์ โสพรรณภาวัชร์ อายุ 34 ปี ผู้ขับขี่รถโตโยต้า ยาริสสีดำ คันเกิดเหตุ ได้ที่ ปั๊ม ปตท. ถนนแจ้งวัฒนะ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดี

ด้านนายพุฒิพัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปรับแฟนสาวมากินข้าวที่ย่านสะพานใหม่ โดยแวะเข้าไปที่บ้านพักในซอยพหลโยธิน 48 ก่อนไปยืมรถคันดังกล่าวจากเพื่อน เพื่อไปส่งแฟนที่ถนนพระราม3 แต่ปรากฏว่าเมื่อขับมาถึงบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าพหลโยธิน 59 รถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้กลับรถมาบริเวณเลนกลางแต่ตนมองไม่เห็น จึงชนเข้าอย่างจัง ด้วยความตกใจหลังเกิดเหตุจึงพยายามขับรถหลบหนี ก่อนนำรถไปจอดทิ้งไว้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา “ขับรถประมาทเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย และหลบหนีไม่แสดงตนหรือแจ้งเหตุให้เจ้าพนักงานทราบทันที” พร้อมนำตัวนายพุฒิพัฒน์ ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.