เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่​ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง​ (บช.ก.) กลุ่มตัวแทนผู้เสียหาย 50 คน เข้าพบ พ.ต.ต.หญิง ปวรี เขื่อนเพ็ชร สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. หลังทำสัญญาซื้อโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลกับ ซ้อพร ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 แต่กลับไม่ได้รับสลากฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

นายไกรวิทย์ ธรรมชาติ อายุ 53 ปี ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เพื่อนแนะนำให้รู้จักกับซ้อพร โดยซ้อพรอ้างว่ามีโควตาสลากฯ เพราะรู้จักกับคนในสำนักงานสลากฯ ที่สามารถสั่งพิมพ์สลากฯ ประกอบกับตนเคยได้ยินซ้อพรโทรศัพท์พูดคุยเรื่องการพิมพ์สลากฯ จึงหลงเชื่อลงทุนซื้อครั้งแรก 10 เล่ม เมื่อเดือน พ.ย.62 ก่อนเพิ่มจำนวนเป็น 50 เล่ม กระทั่งมีพรรคพวกเห็นว่าซ้อพรมีสลากฯ ให้จริง จึงเริ่มสนใจแห่กันมาร่วมลงทุน ซึ่งปกติพวกผู้เสียหายจะรวบรวมเงินไปให้ซ้อพรที่บ้านเช่าในหมู่บ้านยิ่งรวยนิเวศน์ ประชาชื่น จากนั้นจะไปรับสลากฯ ที่ตลาดสนามบินน้ำข้างสำนักงานสลากฯ โดยแต่ละครั้งจะมีการทำสัญญาไว้

นายไกรวิทย์ กล่าวว่า กระทั่งเดือน ก.ย.64 ซ้อพรไม่ส่งสลากฯ ให้ อ้างว่าสลากฯ ยังไม่ออก แต่กลับให้ผู้เสียหายลงทุนซื้อสลากฯ งวดถัดไปเรื่อยมา เพราะหากไม่ลงทุนต่อจะถูกตัดโควตา ส่วนสลากฯ งวดต่อๆ มา ก็ได้รับเพียงบางส่วน ผู้เสียหายจึงพากันไปขอเงินคืน แต่ซ้อพรอ้างว่าเงินส่งไปสำนักงานสลากฯ แล้ว แต่จะคืนให้ภายหลัง

นายไกรวิทย์ กล่าวอีกว่า จนถึงปัจจุบันนี้ซ้อพรได้ค้างเงินซื้อสลากฯ และเงินแป๊ะเจี๊ยะเล่มละ 1 หมื่นบาท รวมประมาณ 33 ล้านบาท ซึ่งซ้อพรได้ทำสัญญาเป็นลูกหนี้ตนไว้ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่อยู่ในสายอื่นอีกประมาณ 10 สาย คาดว่ามูลค่าความเสียหายรวมถึงหลักร้อยล้านบาท เพราะแต่ละสายมีผู้ร่วมลงทุนหลักสิบคน โดยที่ผ่านมาซ้อพรห้ามให้แต่ละสายพูดคุยกัน เพิ่งมารู้จักกันเมื่อไม่ได้รับสลากฯ ทั้งนี้ตนเองก็ถูกลูกสายฟ้องฐานร่วมกันกับซ้อพรในคดีฉ้อโกงประมาณ 13 คดี จึงกลัวว่าจะได้รับโทษไปด้วย