ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 “หมอธีระวัฒน์” หรือ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก @ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการโรคฝีดาษลิง
โดยคุณหมอได้ระบุข้อความว่า “ทำโรคฝีดาษลิงให้เป็นเรื่องง่าย”
- ยอมรับว่าเป็นโรคติดต่อที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์
- ไม่ได้จำกัดอยู่ที่กลุ่มรักเพศเดียวกันหรือรักสองเพศ เป็นได้ระหว่างชายกับหญิงธรรมดาก็ได้
- คนที่มีความเสี่ยงหรือที่อาจเป็น จะอึดอัดที่บอกความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรม (เพราะอาจไปเถลไถลที่อื่น)
- ความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจมีเพียงแผลตุ่ม แต่ยังสบายดี หรือกลับกันคือรู้สึกไม่สบายแต่ยังไม่มีแผลตุ่ม
- ทันทีที่เกิดความผิดปกติดังข้อสี่ เชื้อสามารถแพร่ได้ทางละอองฝอยน้ำลาย สิ่งคัดหลั่งจากแผลตุ่ม และอาจเป็นไปได้ จากน้ำอสุจิ ช่องคลอดและทวารหนัก
- การสืบสวน สอบสวน ที่หมอต้องแจ้งทางการก่อน สอบชื่อที่อยู่ครอบครัว รสนิยมทางเพศ ถ่ายรูปตุ่มส่งให้ทางการไปดูก่อนว่า เหมือนหรือไม่ (ซึ่งไม่มีทางบอกได้) ก่อนที่จะลงมือทำการสืบสวนและตรวจ จะหลุดโอกาสที่จะรู้เร็ว ป้องกันเร็ว รักษาเร็ว ระงับการระบาด
- ช่องทางที่ให้คำปรึกษาในประเทศไทยมีอยู่แพร่หลาย คลินิกเอชไอวี คลินิกเพศสัมพันธ์คลินิกทั่วไปทางเวชกรรม สงสัยส่งตรวจ
- ง่ายนิดเดียว แยงจมูกและลำคอแบบโควิด ใส่หลอด UTM VTM แม้กระทั่งเก็บน้ำลายสด รู้ภายใน 24 ชั่วโมง
- มีการตรวจพีซีอาร์ ทั่วไปแล้ว รวมทั้งศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งทำการตรวจได้มาเกือบ 10 ปีแล้ว เพราะอยู่ในตระกูลฝีดาษซึ่งเป็นโรคที่ต้องจับตา
- ถ้าได้ผลบวก บอกคนติดทันที คนที่ติดไปแล้วต้องบอกคนที่สัมผัสมีสัมพันธ์ด้วย และคนที่อยู่อาศัยใกล้ชิดเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่นอน พร้อมกันนั้นบอกประสานทางการให้การช่วยเหลือ
นอกจากนี้คุณหมอธีระวัฒน์ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “ฝีดาษลิงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ไม่ใช่คิดแต่วัคซีนหรือยารักษา ต้องทำให้เป็นเรื่องปกติเข้าถึงได้ รักษาความลับ เร่งกระบวนการให้เร็วสุด”…
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha