เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่สำนักงานทนายความจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายเบล (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ เขาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ “ทนายโป้ง” ประธานชมรมทนายความจิตอาสาเพื่อให้ช่วยเหลือทางกฎหมาย หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปทำ ICL ดวงตาที่ รพ.แห่งหนึ่ง โดยจ่ายเงินไปกว่า 190,000 บาท แต่หลังผ่าตัดกลับพบว่ามองเห็นภาพพร่ามัวเป็นภาพซ้อนกัน กลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน จนสุดท้ายต้องลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยบริหารบริษัทแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ ซึ่งมีเงินเดือนเกือบแสนบาท ไปทำงานเป็นพนักงานธรรมดาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อการใช้ชีวิต

โดย นายภาสกร เปิดเผยว่า ตนเรียนจบปริญญาโท ด้วยความที่ตนเป็นคนที่สายตาสั้นทำให้ต้องใส่แว่น หรือคอนแทคเลนส์เป็นประจำ จึงอยากทำการเลสิกดวงตา กระทั่งพบว่ามีโฆษณาจาก รพ.เอกชนชื่อดัง ซึ่งอ้างว่ามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยววชาญในด้านนี้ จึงโทรศัพท์ไปขอคำปรึกษา ก่อนจะตกลงทำการผ่าตัดดวงตาในวันที่ 23 และ 24 มิถุนายน 65 แต่หลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไป ตนกลับมองเห็นเป็นภาพพร่ามัว หรือซ้อนกันตลอดเวลา ทำให้มีอุปสรรคต่อการทำงาน จนสุดท้ายต้องลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยบริหาร ไปทำงานเป็นพนักงานธรรมดาแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี

“…หลังผ่าตัด มีอาการภาพซ้อนด้านหางตา ทั้งซ้ายและขวา การใช้ชีวิตก็เห็นภาพเบลอ ๆ เวลาดูเอกสารก็ชัดบ้าง เบลอบ้าง บางครั้งมองตรง ๆ ภาพก็ซ้อนและควบคุมไม่ได้ อาการที่เกิดขึ้นมันกระทบกับความั่นใจ การใช้ชีวิต การทำงาน ทำให้ปวดเบ้าตาและศรีษะด้วย เกิดการปวดตรงท้ายทอย ต้องทานยาระงับอาการปวด พอลาออกจากที่ทำงานเดิมก็มาทำงานบริษัท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่มีรถรับส่งซึ่งสะดวกและรู้สึกปลอดภัยขึ้น จุดประสงค์ที่มาร้องเรียน อยากให้ทางผู้บริหารโรงพยาบาลรับทราบถึงความเดือดร้อน เสนอหนทางแก้ไข เพราะการใช้ชีวิตประจำวันมันยากลำบากเหลือเกิน ถ้าอยากจะหลีกหนีจากอาการนี้คือ ต้องหลับตาเท่านั้น…” นายภาสกร กล่าว

ด้าน ทนายโป้ง กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้เสียหายแล้ว พอสรุปได้ว่า ไปทำตาเนื่องจากสายตาสั้นมาก เลยไปทำเลสิก แต่คุณหมอแจ้งว่าสายตาสั้นเกิน เลยเสนอให้ทำ ICL มาใส่ให้ เป็นการเปลี่ยนเลนส์สายตา แต่จากการทำค่าเลนส์ที่นำมาใส่ให้มันไม่ตรงกับค่าสายตาที่สั้น น่าจะเป็นสต๊อกเลนส์ที่เก่าแล้ว ไม่ได้ตัดใหม่มาใส่ให้ผู้เสียหาย หรือว่าการบริการด้านหัตกรรมมีอะไรที่ผิดพลาดไป ทำให้สายตาแย่กว่าเดิมมองอะไรไม่ได้เลย ข้อกฎหมายมี 2 อย่าง คือ 1. เป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ถ้าเขาพิการไปก็เป็นอันตรายสาหัส 2. ค่าเสียหาย เนื่องจากผู้เสียหายต้องเสียเงินค่าบริการไปกว่า 190,000 บาท ค่าตรวจอีกจำนวนหนึ่ง ค่าที่ต้องไปทำงานที่ลำบากกว่าเดิม ต้องเปลี่ยนงานสายบริหาร สูญเสียโอกาสและอนาคตที่มีอีกไกล ทั้งนี้ ผู้ที่จบการศึกษาได้เกียรตินิยม และจบการศึกษาปริญญาโทจากต่างประเทศ มีความรู้ความสามารถแบบนี้ในประเทศยังคงมีน้อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการเทคโนโลยี แต่กลับต้องมาสูญเสียโอกาส แทบจะหมดอนาคตเลยก็ว่าได้

“….อยากจะวิงวอนทางโรงพยาบาล คุณหมอ ให้ออกมารับผิดชอบ ให้สายตาเขากลับไปเป็นปกติ ผิดพลาดอะไรมาพูดคุยกันได้ ก่อนที่น้องเขาจะไปดำเนินคดีทั้งอาญา และทางแพ่ง เพราะจะมีค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย…” ทนายโป้ง กล่าวทิ้งท้าย.