เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เวลา 09.30 น. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการชั่วคราว สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าอำลานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยใช้เวลาการหารือประมาณ 45 นาที จากนั้นนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า อุปทูตสหรัฐมาอำลาตน เนื่องจากเขาได้รับการโยกย้ายให้กลับทำหน้าที่ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐ และอุปทูตสหรัฐยังได้แจ้งให้ตนทราบด้วยว่า ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้ว และเตรียมจะเดินทางมาถึงประเทศไทย ซึ่งระหว่างนี้ยังมีอุปทูตสหรัฐอีกคน ทำหน้าที่รักษาการประมาณ 2-3 สัปดาห์

เมื่อถามว่าอุปทูตสหรัฐได้ฝากการสานความร่วมมือเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราพูดคุยกับฝ่ายสหรัฐตลอดเวลา ถึงเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐให้ความช่วยเหลือไทยจำนวนมาก ช่วงการระบาดโควิด-19 ก็ให้วัคซีนไฟเซอร์ มาหลายล้านโด๊ส อีกทั้งช่วยเจรจาเรื่องวัคซีนและยา ในสมัยที่ประเทศไทยได้สั่งยามาจากสหรัฐ เขาก็ช่วยเจรจาให้

เมื่อถามว่านายฮีธได้แสดงความกังวลเรื่องการเมืองของไทยด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของเรา ซึ่งตนได้บอกอุปทูตสหรัฐให้ฟังว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น รัฐบาลชุดนี้จะมีอายุถึงเดือน มี.ค.66 เพราะฉะนั้นเขาเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองเตรียมการรณรงค์การเลือกตั้ง ค่อยๆ เริ่มต้นได้เป็นลำดับ เมื่อถามอีกว่าแสดงว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะไม่มีการยุบสภา นายอนุทิน กล่าวว่า การยุบสภาเป็นเรื่องนายกรัฐมนตรี

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงโหมดเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส. และการส่งผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ว่าตอนนี้เราต้องรอดูสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อว่าจะหารด้วย 100 หรือด้วย 500 เพราะคำจำกัดความของเรื่อง ส.ส.พึงมีนั้น ยังไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะหารอย่างไร ก็ต้องส่งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอยู่ดี ต้องรอตรงนั้น แต่ขณะนี้เน้นมาที่การเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบแล้ว เรามีผู้สมัครที่มีศักยภาพและมีความนิยมในพื้นที่ เราเน้นตรงนั้น ไม่ได้กังวลเรื่อง ส.ส.บัญชีรายชื่ออะไร เราเอาคนที่ใกล้ชิดประชาชนมาเข้าสภาก่อน อันนี้ดีที่สุด

เมื่อถามว่าการที่พรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่ภาคใต้ช่วงวันที่ 12-14 ส.ค.65 ตั้งเป้าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ เพราะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศตั้งเป้าจะให้ได้ ส.ส. 30-40 ที่นั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนก็ต้องหวัง จะทำอะไรก็ต้องตั้งความหวังไว้ก่อน และทำให้สุดฝีมือ ทำเต็มที่ และถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้ตามที่หวังก็ไม่เสียใจเพราะเราทำเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยและไปตั้งความหวัง รวมถึงหวังว่าจะฟลุกและชนะเท่าไหร่ ก็คงไม่มีวันนั้น 

เมื่อถามว่าการที่พรรคภูมิไทยจะลงพื้นที่ จ.พังงา บ้านเกิดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสู้เต็มที่เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใครก็ไป จ.บุรีรัมย์-อุทัยธานี ได้ แต่ละพรรคแย่งกันรับใช้ประชาชน แต่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เมื่อถามต่อว่า แข่งกันได้ไม่ใช่ศัตรูกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี  เมื่อถามว่าอนาคตยังจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การแข่งกันในพื้นที่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว