นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ยืนยันเดินหน้าเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ควบคุม (โซนนิ่ง) ตามเมืองท่องเที่ยวหลัก ถึงเวลา 04.00 น. จากปัจจุบันเปิดให้บริการได้ถึง 02.00 น. แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวก็ตาม โดยขอย้ำว่าไม่ใช่การขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงแบบสะเปะสะปะไปในทุกพื้นที่ 

“ข้อเสนอดังกล่าวยังสอดรับกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งเริ่มทานมื้อค่ำเวลาประมาณ 22.00 น. กว่าจะทานเสร็จและเริ่มดื่มก็ตอนเที่ยงคืนกว่า พอเริ่มสนุก ก็ถึงเวลาปิดสถานบันเทิงแล้ว ทั้งที่ยังอยากกินดื่มต่อ จึงไม่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวนัก ขณะเดียวกันเชื่อว่าการจัดโซนนิ่งขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะเมื่อเกินเวลาปิดให้บริการตามกฎหมาย ผู้ประกอบการบางรายก็แอบเปิดอยู่ดี สำหรับบางสถานที่ การแอบเปิดก็ คือ การล็อกประตูทั้งหมด ลูกค้าไม่สามารถออกมาได้ทันเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ถ้ามีการอนุญาตให้เปิดถึงเวลา 04.00 น. ทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจค้น และเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ก็สามารถอพยพนักท่องเที่ยวได้ทันและปลอดภัย”  

สำหรับการนำร่องโซนนิ่งขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ขณะนี้ได้เริ่มต้นทำการศึกษาพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเที่ยวจำนวนมาก เช่น ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ, ถนนบางลา หาดป่าตอง ภูเก็ต, วอล์คกิ้ง สตรีท พัทยา, อ่าวนาง กระบี่, เขาหลัก พังงา, หัวหิน, สมุย และเชียงใหม่ โดยได้แจ้งให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ฟอร์มทีมเข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ทรี่ต้องการจัดโซนนิ่ง และต้องไม่รบกวนคนในชุมชน ถ้าชุมชนเห็นด้วย จากนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะช่วยผลักดันอีกชั้น ด้วยการหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อปลดล็อกให้สามารถเปิดโซนนิ่งได้ ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณา รวมถึงขอความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสั่งการให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัยในโซนนิ่งนั้นๆ

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรุ่งนี้ (12 ส.ค.) จะลงพื้นที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสำรวจการจัดงานฟูลมูนว่าถูกต้องตามกฎหมายขนาดไหน เพราะข้อกำหนดในการจัดงานมีความชัดเจนเรื่องการจัดโซนนิ่งงานฟูลมูนและฮาล์ฟมูนซึ่งใช้สถานที่กันคนละหาด และไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ใกล้ๆ  และจากการที่ลือกันว่ามีการขายกัญชาเต็มชายหาด ผมก็อยากจะไปดูว่าเป็นเรื่องจริงอย่างที่พูดหรือร้องเรียนเข้ามาหรือไม่ โดยถ้าใครจะขาย ก็ต้องมีการขออนุญาต และอย่าทำให้ชาวบ้านรู้สึกรำคาญ เช่น เรื่องกลิ่นของกัญชา ที่บางคนอาจจะแพ้