กรณีอุบัติเหตุรถนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กร 1787 กรุงเทพมหานคร ชนกับแบริเออร์ เสียหลักพลิกคว่ำ บนทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 เมื่อวันที่ 9 ส.ค. และมีการประสานเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ต่อมาพบร่างนายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปี ชาว จ.ระยอง ผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวนาน 12 ชั่วโมง จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ กระทั่ง นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง (ทล.) ออกมาชี้แจงและตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

“ทางหลวง” ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีทิ้งศพไว้ในซากรถ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ลูกสาว นายภัทรชัย และญาติ เดินทางมาติดต่อขอรับศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนายังภูมิลำเนาใน ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง โดยลูกสาว กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าพ่อเสียชีวิตภายในรถยนต์หลังจากถูกเคลื่อนย้ายมาไว้ที่เก็บของกลางตำรวจทางหลวง หลังจากเกิดเหตุนานกว่า 12 ชั่วโมง ตอนนั้นไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากตำรวจให้ดูกล้องวงจรปิด และแจ้งว่าขณะเกิดเหตุไม่มีคู่กรณี เป็นการเกิดอุบัติเหตุด้วยตนเอง แต่หลังจากทราบว่า มีกู้ภัยไปตรวจสอบที่เกิดเหตุนานกว่า 15 นาที แต่ไม่พบศพ จึงสงสัยว่าพ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หรือเสียชีวิตขณะรถถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สถานีตำรวจโดยไม่มีการตรวจสอบที่แน่นอนก่อน หลังจากนี้จะเดินหน้าเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ไม่ยังไม่สามารถชี้ชัดว่า มีคนใดเกี่ยวข้องบ้าง

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเคลือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินทางมาที่นิติเวช พร้อมพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต ก่อนกล่าวว่า วันนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อเอาผิดกับตำรวจทางหลวง และกู้ภัยที่ช่วยเหลือ ในข้อประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนในข้อหาอื่นๆ ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากผลชันสูตร ระบุว่ามีภาวะเลือดคลั่งในช่องเยื้อหุ้มหัวใจเนื่องจากขั้วหัวใจฉีกขาด ปริแตก และกระดูกซี่โครงหัก ลูกสาวผู้เสียชีวิต จึงมองว่า ไม่น่าทำให้พ่อเสียชีวิตในทันที ซึ่งต้องรอผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งใน 45 วัน