เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ยังมีคนไทยจำนวนมากถูกเจ้าหน้าที่ทางการเกาหลีใต้ปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เดินทางโดยสายการบินไปยังเกาะเชจูของเกาหลีใต้ว่า กรณีของคนไทยที่เดินทางไปยังเกาะเชจูของเกาหลีใต้นั้น ขณะนี้ยังไม่ต้องขอรับเอกสาร Korea Electronic Travel Authorization(K-ETA) แต่ผู้ที่เดินทางไปเข้าเกาะเชจูได้โดยไม่มีเอกสาร K-ETA จะไม่สามารถเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้ในส่วนภาคพื้นทวีปได้ ขณะเดียวกัน ผู้ที่เคยถูกปฏิเสธการขอ K-ETA ในการเข้าเกาหลีใต้ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าเกาะเชจู

อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ ทางการเกาหลีใต้กำลังจะปรับระบบให้ผู้เดินทางต้องมีเอกสาร K-ETA ล่วงหน้าก่อนไปยังไปเกาะเชจู ทั้งนี้ แม้ผู้เดินทางมีเอกสาร K-ETA แต่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ยังมีอำนาจในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้บุคคลนั้นๆเข้าเกาหลีใต้ได้ ถ้าสัมภาษณ์แล้วพบว่ามีข้อสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวอาจเข้าไปลักลอบทำงานในเกาหลีใต้หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ โดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุมัติให้เข้าเกาหลีใต้ จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ส่งกลับประเทศไทย โดยสายการบินที่นำคนไทยเดินทางไปเกาหลีใต้โดยเร็วที่สุด

นายณัฐภาณุ กล่าวอีกว่าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้รายงานสถานะล่าสุดในเดือน มิ.ย.2565 มีคนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้จำนวน 181,783 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีคนไทยที่พำนักอย่างผิดกฎหมาย 139,245 คนและมีนักโทษชาวไทยที่ทำผิดในคดีต่างๆ ตามกฎหมายเกาหลีใต้ จำนวน 532 คน

สำหรับคนไทยที่ได้รับอนุมัติจาก ตม.เกาหลีใต้ให้เข้าเกาหลีใต้ได้แล้ว แต่ต่อมากระทำผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ ด้วยสาเหตุต่อไปนี้จะได้รับโทษได้แก่

(1) พำนักอยู่ในเกาหลีใต้เกิน 90 วัน จะถูกลงโทษให้ชำระค่าปรับตามจำนวนปีที่พำนักผิดกฎหมายซึ่งหากเลือกไม่ชำระค่าปรับจะไม่สามารถกลับมายังเกาหลีใต้ได้อีกและต้องถูกกักตัวในสถานกักกันประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับประเทศเอง

(2) กรณีลักลอบทำงานแบบผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมจะถูกกักตัวในสถานกักกัน โดยหากไม่พบว่ามีความผิดอื่นอาทิยาเสพติด นายหน้า เมาแล้วขับ ฉ้อโกง หรือคดีอื่นๆ ตามปกติจะถูกส่งกลับประเทศไทยภายใน 1 สัปดาห์ โดยผู้ที่กระทำผิดกฎหมายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับประเทศเอง

ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศ จึงขอย้ำเตือนประชาชนว่าอย่าลักลอบเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย เพราะนอกจากเป็นการละเมิดกฎหมายเกาหลีใต้แล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของคนไทยในต่างประเทศอย่างมากด้วย.