เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ส.ค. ร.ต.อ สามารถ รักษาศักดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตถูกยิงบริเวณลานดินตรงข้ามวัดช่างทอง ริมถนน ทางหลวงหมายเลข 3470 อยุธยา-บางปะอิน หมู่ 1 ต.เกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ

ที่เกิดเหตุเป็นลานดินขนาดใหญ่ ห่างจากถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร พบรถอเนกประสงค์ ฮอนด้า ฟีด สีดำ ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านข้างรถพบศพ นายนาวี (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ สภาพศพนอนตะแคง สวมเสื้อกีฬาคอปกสี กรมท่า กางเกงยีนขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืน ขนาด 9 มม. ที่ศีรษะเลือดไหลนองพื้นดินจนแห้งกรัง มือซ้ายกำปืน ขนาด 9 มม. อยู่ คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12 ชั่วโมง ตรวจสอบบริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย ตรวจสอบภายในรถพบกระเป๋าสตางค์ พบบัตรข้าราชการครู โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ บัตรประชาชน เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. อีก 7 นัด

อีกทั้งยังพบสมุด 1 เล่ม ภายในมีข้อความเขียนอำลาด้วยลายมือ รวม 3 หน้า ตรวจสอบข้อความหน้าที่ 1 เขียนอำลาสั่งเสียถึงลูก 2 คน และขอโทษแม่ รวมถึงให้ช่วยดูแลลูกๆ หน้าที่ 2 เขียนขออโหสิกรรมต่อสิ่งที่ผู้ตายเคยทำผิดไป และหน้าที่ 3 ฝากขอให้บุคคลคนหนึ่งอโหสิกรรมให้ และขอโทษที่ทำแบบนี้ พร้อมฝากให้เอาเงินในสหกรณ์คืนแม่ 600,000 บาท และยังฝากขอโทษพี่ๆ ผู้ร่วมงานทุกคน พร้อมรหัสเปิดโทรศัพท์และให้เผาศพเลยไม่ต้องสวดก็ได้แล้วเอาไปลอยอังคารให้หมด จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.ท.นิติธร ยศโชตวณิช รอง ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการสอบถามภรรยาของผู้เสียชีวิต เบื้องต้นตกใจและเสียใจมาก ไม่คิดว่าสามีจะมาทำร้ายตนเองเสียชีวิตที่อยุธยา ปกติผู้เสียชีวิตเป็นครู สอนอยู่ที่สมุทรปราการ ก่อนหน้านี้หนึ่งวันมีปากเสียงทะเลาะกัน ไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่คืนวันที่ 10 ส.ค. กระทั่งมาทราบข่าวว่าเสียชีวิตแล้วดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตมีปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัวจนเกิดความเครียด จึงขับรถมาจากบ้าน จ.สมุทรปราการ ไปเรื่อยๆ จนมาถึง จ.พระนครศรีอยุธยา จนไม่รู้จะขับไปไหนอีก จึงเลือกจอดรถภายในลานดินเขียนจดหมายลาไว้อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจยิงตัวเองจนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างนำศพส่งชันสูตรและสอบสวนรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป