เมื่อเวลา 20.15 น.วันที่ 7 ส.ค.นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.  พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในวันที่ 7 ส.ค.ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมการ พกพาอาวุธครบมือ ที่จะก่อจราจล หวังจะจาบจ้วงสถาบันแต่ไปไม่ถึงพระบรมมหาราชวัง สุดท้ายก็มาก่อการร้าย ทำลายทรัพย์สินของราชการ มุ่งหวังจะฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ พฤติกรรมชั่วช้าเช่นนี้เกิดขึ้นเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลากคอแกนนำที่ปลุกปั่น ยุยงผู้ชุมนุม ที่อยู่เบื้องหลังมาเข้าคุกให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ work from home ปลุกปั่นทางโซเชียลเช่นนี้ คนกลุ่มนี้ถ้ายังปล่อยให้ลอยนวลบ้านเมืองก็จะวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น เพราะพฤติกรรมแบบโจรก่อการร้ายแบบนี้ จะปล่อยให้อยู่ในสังคมสร้างความพินาศให้กับบ้านเมืองไม่ได้แล้ว สุดท้ายแกนนำไปมุดหัวอยู่ที่ไหน กล้าทำ แต่ไม่กล้ายอมรับ ไร้วุฒิภาวะ ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อทำผิดก็กลับไม่กล้าติดคุก ติดตาราง ตนไม่ทราบว่านายพริษฐ์ ชิวารักษ์  หรือ เพนกวิน ไม่คิดถึงหนุ่ม ๆ ในเรือนจำบ้างหรือ

นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่า นายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอเอกสารรับรองเงินเดือน ส.ส.จากสภาฯ เพื่อนำไปเตรียมประกันตัวผู้ต้องหาที่จะออกมาก่อความไม่สงบ ใช่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นหมายความว่า นายพิธา  รู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิดการก่อจราจล จาบจ้วง หวังล้มล้างสถาบันหรือไม่ ตนขอให้ ส.ส.ทั้งสภาดูพฤติกรรมการปกป้องผู้กระทำผิดต่อสถาบันของนายพิธาด้วย ว่า ยังมีความเหมาะสมที่จะเป็น ส.ส.ต่อไปหรือไม่ ในเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ทุกคนก็ถวายสัตย์กล่าวคำปฏิญาณ แต่วันนี้กลับเลือกเข้าข้างพวกนิยมใช้ความรุนแรง หรือเป็นเพราะว่าตัวของนายพิธาเองก็ชอบใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายภรรยาจนขอเลิกตามข่าวที่ออกมาใช่หรือไม่ ทั้งนี้หากนายพิธาใช้เอกสิทธิยื่นประกันผู้ต้องหาจริง ตนจะไปยื่นให้ตรวจสอบจริยธรรมนายพิธา และยื่นยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงจะส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สอบสวนว่ามีการเชื่อมโยงกันในก่อการร้ายครั้งนี้หรือไม่ด้วย

“ผมมองว่าควรยกเลิกเอกสิทธิ์ส.ส.และส.ว.เรื่องการประกันตัวตนเองและบุคคลอื่น เพราะส.ส.และส.ว.ถือเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นอะไรที่ผิดกฎหมายก็ไม่ควรให้มีการใช้เอกสิทธิ์ดังกล่าวไม่ว่าจะคดีใดๆ ควรจะใช้หลักทรัพย์ส่วนตัวมากกว่า ผมจึงขอเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตัดเรื่องเอกสิทธิ์นี้ออกไป เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ส.ส.ไม่ควรเหนือกว่าประชาชน”นายสิระ กล่าว

นายสิระ ยังกล่าวต่อว่า จะยังมีนักสิทธิมนุษยชนคนไหนเสนอหน้าออกมาปกป้องพฤติกรรมชั่วช้าของกลุ่มผู้ชุมนุมอีกหรือไม่ ตนอยากจะเห็นน้ำหน้าของคนพวกนี้จริง ๆจะเอาเหตุผลอะไรออกมากล่าวอ้างกันอีก และได้ทราบหรือไม่ว่า เจตนาในการก่อความวุ่นวายที่พระบรมมหาราชวังวันนี้ ต้องการจะทำเลวอะไรกันบ้าง ตนขอประกาศไว้เลยวันนี้จะไม่ยอมให้องค์กรหรือนักสิทธิบ้าบอหน้าไหนออกมาพูดมั่ว ๆ แบบไม่รับผิดชอบต่อสังคมอีกต่อไป ใครออกมา ตนก็พร้อมด่าแบบไม่ไว้หน้าเช่นกัน

“วันนี้ผมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ขั้นตอนการสลายการชุมนุมได้ปฎิบัติตามหลักสากลทุกประการ จนไม่มีผู้ที่เสียชีวิตตามมา แต่ที่อดเห็นใจไม่ได้คือบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำหน้าที่เสียสละ เหน็ดเหนื่อยให้กับคนที่ติดเชื้อโควิดเพื่อช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต แต่คนเลว ๆ พวกนี้ออกมาซ้ำเติมสถานการณ์โควิด ที่จะเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่กลางเมืองหลวง สร้างปัญหาและเพิ่มงานให้กับหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนให้หนักขึ้นไปอีก ทั้ง ๆ ที่วันนี้ทุกคนก็มีงานล้นมืออยู่แล้ว”นายสิระกล่าว