เมื่อวันที่ 17 ส.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ในการเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำ จากรายงานของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ที่ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝน พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักสะสมในช่วง 3 วัน คือระหว่างวันที่ 16-18 ส.ค. 2565 ในพื้นที่ 5 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคเหนือ ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก จ.แม่ฮ่องสอน ภาคตะวันตก ได้แก่ จ.กาญจนบุรี ภาคตะวันออก ได้แก่ จ.จันทบุรี และภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพฯ ส่วนพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน จ.พะเยา และ จ.เชียงราย รวมทั้งยังเฝ้าระวังระดับน้ำโขงที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ และ จ.นครพนม ด้วย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน ดำเนินการตาม 13 มาตรการ รับมือฤดูฝนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดทำแผนปฏิบัติการไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565 ที่ผ่านมา ให้บูรณาการการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในเขื่อนให้มีประสิทธิภาพและส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนท้ายน้ำให้น้อยที่สุด รวมทั้งเร่งระบายน้ำในคลองต่างๆ เพื่อลดระดับน้ำ เตรียมไว้รองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมา รวมทั้งให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งทำธนาคารน้ำใต้ดินและโครงการแก้มลิง ตามพระราโชบายของในหลวง รัชกาลที่ 10 ที่ทรงงานสืบสานต่อยอดพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งนอกจากจะป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากแล้ว ยังแก้ไขปัญหาน้ำแล้งได้อย่างยั่งยืน

“ท่านนายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์เรื่องปริมาณฝนโดยตลอด เพราะท่านทราบดีว่า การช่วยเหลือประชาชนให้ทันเวลา รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชนให้ชัดเจนรวดเร็ว จะสามารถลดความเสียหายและการสูญเสียลงได้” น.ส. ทิพานัน กล่าว.