เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) อดีตรมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ว่าธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง มีเหตุผลมาจากการที่รัฐบาลจีนกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวลง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญหลักของระบบเศรษฐกิจ สัญญาณดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่กำลังเผชิญกับปัญหาภาวะเงินเฟ้อในขณะนี้ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน มีท่าทีว่าจะทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น จะมีอิทธิพลต่อบรรยากาศการค้าขายและการลงทุน รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของไทย เพราะภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ถูกคาดหวังว่าจะเป็นหัวจักรฉุดให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวในปลายปีนี้ แต่หากการขยายตัวของทั้งสองภาคเศรษฐกิจนี้ไม่เป็นไปตามที่หน่วยงานรัฐคาดการณ์และประกาศไว้ ประกอบกับเศรษฐกิจภายในยังเปราะบางมาก จะเป็นการยากที่เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและคาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ การเตรียมการณ์ล่วงหน้าโดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งการเงินและการคลัง เป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนับต่อจากนี้ไปจนถึงปีหน้า โดยงบประมาณของประเทศจะเป็นเครื่องมือหลักของรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจ ที่ต้องดูแลทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงการลงทุน สร้างงานและกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าสู่การฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง ไม่กลับมาถดถอยเพราะความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งความพยายามในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมายจะเป็นประโยชน์ แต่ยังคงไม่เพียงพอที่จะรองรับกับเหตุการณ์ในอนาคตข้างหน้าได้

อดีต รมว.คลัง กล่าวต่อว่า ดังนั้นการทบทวนปรับงบประมาณ เพื่อให้รัฐบาลสามารถใช้งบฯ เพื่อบริหารความเสี่ยง และตอบโจทย์ผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ จะมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองที่เราเห็นในปัจจุบัน การทบทวนงบประมาณคงเกิดขึ้นได้ยาก หรือแทบจะพูดได้ว่าเป็นไปไม่ได้ หมายความว่าเราคงต้องรอหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการทบทวนงบประมาณ โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่สามารถพลิกผันต่อไปได้อีกอย่างรวดเร็ว

ต้องยอมรับว่า การเมืองเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดชะตาอนาคตของประเทศ ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึงข้างหน้า เชื่อว่าประชาชนอยากเห็นพรรคการเมืองแข่งขันกันนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจที่มุ่งนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากภาวะชะงักงันและก้าวหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ไม่น้อยหน้าประเทศอื่นที่เผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากภาพนี้ เห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวของจีดีพี ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 65 ต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทุกประเทศก็ถูกกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก โควิด-19 และความท้าทายอื่นๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน

“พวกเราคงไม่อยากเห็นภาพเช่นนี้ยังมีต่อไปในอนาคต และหวังให้ประเทศไทยอยู่แถวหน้าในกลุ่มอาเซียน ความเปลี่ยนแปลงจากภาวะปัจจุบันที่ประเทศกำลังเผชิญจะเกิดขึ้นได้นั้น อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปครับ” นายอุตตม กล่าว