เพื่อตอบรับแผนภาครัฐ COP26 กลุ่ม ปตท. จึงเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนพันธกิจดังกล่าว โดยล่าสุดผนึกกำลังกับพันธมิตรสำคัญอย่าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด ขยายสถานีบริการสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า หรือ  EV Charging Station เพิ่มกว่า 400 จุด ทั้งในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนา และสถานีบริการร่วมของอีโวลท์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พลังงานสะอาด และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ The Future of eMobility Lifestyle โดยมี นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด เข้าร่วมในพิธีแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการขยายความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรของ กลุ่ม ปตท. เพื่อที่จะขยายบริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (On-Ion EV Charging Station) ให้ครบทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2565 โดยมีทั้งการขยายจุดชาร์จ EV ในศูนย์การค้าของเครือเซ็นทรัลพัฒนากว่า 350 ช่องจอด และการเพิ่มจุดบริการร่วมกับทางบริษัท อีโวลท์ฯ กว่า 50 ช่องจอด โดยวางเป้าหมายให้ในสิ้นปีนี้ จะมี EV Charging Station มากที่สุด และเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าของไทย

สำหรับรายละเอียดของความร่วมมือนี้ นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อตอบรับเทรนด์ EV เซ็นทรัลพัฒนาจึงร่วมมือกับทาง กลุ่ม ปตท. ขยายสถานีฯ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเพิ่มขึ้นมากกว่า 400 ช่องจอด ซึ่งถือว่ามากที่สุดและเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มศูนย์การค้าของไทย ซึ่งสำหรับในเฟสแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. ปีนี้ โดยความโดดเด่นของจุดชาร์จรถไฟฟ้าในเซ็นทรัล คือ 1.มีจุดชาร์จครอบคลุมทั่วประเทศ  2.สะดวกสบาย เพราะสามารถชาร์จกับรถยนต์ได้ทุกแบรนด์ทุกค่าย 3.มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง 4.ได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากกลุ่มเซ็นทรัลทั้งโปรโมชั่นและส่วนลด โดยความร่วมมือครั้งนี้ตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ของเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการใช้รถ EV ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทย และช่วยร่วมดูแลโลกและสิ่งแวดล้อม 

ขณะที่ นายพูนพัฒน์ โลหารชุน ผู้บริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า อีโวลท์มุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทุกกลุ่ม เพื่อพาคนไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมควบคู่กันอีกด้วย ซึ่งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการวางรากฐานให้ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าแข็งแรงขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญ เพื่อให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงสถานีชาร์จได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

ด้าน  นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. โดย บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ได้ขยายสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (On-Ion EV Charging Station)บนทำเลศักยภาพร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนา โดยหวังให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV และเพื่อสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของ “Green Charging Network” ผ่าน On-Ion Mobile Application ซึ่งการจับมือกับเซ็นทรัลพัฒนา นับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนการลงทุนด้านนวัตกรรมพลังงานอนาคต ที่เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทชั้นนำของประเทศไทยในด้านพลังงานและด้านพัฒนาศูนย์การค้า เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานแห่งอนาคต และเพื่อให้ผู้ใช้ EV มั่นใจได้ว่าจะสามารถเดินทางทั่วไทยได้อย่างไร้กังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างการเดินทาง

นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการของสถานี ออน-ไอออนทุกคน ยังมั่นใจได้ว่าพลังงานไฟฟ้าที่ได้ของสถานี ออน-ไอออนทั้งหมดนั้น เป็นพลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ที่ผลิตได้จากในประเทศไทยทั้งหมด และกลุ่ม ปตท. ยังได้เร่งขยายการลงทุนในธุรกิจด้าน EV Value Chain ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะรองรับการขยายฐานธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร และเพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทุกมิติ นายนพดล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เจตนารมณ์สำคัญของ “PTT Group”ที่ต้องการผลักดันเรื่องของการใช้พลังงานสะอาด และร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกๆ คน