หากพูดถึงชื่อนักแสดงเกาหลีมากฝีมือ ที่สามารถก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงระดับโลก ต้องยกให้ อีจองแจ นักแสดงเจ้าบทบาท ที่สะกดคนทั้งโลกจากบท “ซองกีฮุน” หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันเกมสุดเดือด จากซีรีส์เรื่องดังกระหึ่ม อย่าง “Squid Game (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย)” และด้วยความสามารถที่โดดเด่น ทำให้เขาคว้า รางวัล SAG Awards รวมถึงถูกเสนอชื่อ เข้าชิง รางวัลลูกโลกทองคำ และ รางวัล Emmy Award ซึ่งนั่นทำให้ อีจองแจ กลายเป็นที่กล่าวขาน และถูกยกให้เป็นนักแสดงคุณภาพระดับเอลิสต์ จนเป็นที่รู้จักในระดับสากล

มาในปี 2022 ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ เมื่อ อีจองแจ ได้ขึ้นแท่นเป็น ผู้กำกับ เขียนบท เป็นครั้งแรก รวมถึงแสดงนำใน ผลงานแอ๊คชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “HUNT ล่าคนปลอมคน” พร้อมสร้างปรากฏการณ์ พาผลงานนี้ไปฉายโชว์ในรอบ Midnight Screen ใน “เทศกาลหนังเมืองคานส์” ปีล่าสุด ซึ่งผู้กำกับน้อยคนนักที่จะสามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้ โดยหลังจากฉายภาพยนตร์จบเขายังได้รับเสียงปรบมือ (Standing Ovation) ยาวนานกว่า 7 นาที พร้อมกวาดคำชมอย่างล้นหลาม

ซึ่งเมื่อภาพยนตร์เข้าฉายในประเทศเกาหลียังกระแสแรง ที่เปิดตัวอันดับ 1 บนบ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลี แถมยังคงครองตำแหน่งอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศ ถึงสองสัปดาห์ซ้อน พร้อมกวาดยอดขายตั๋วทะลุกว่า 3 ล้านใบ กลายเป็นภาพยนตร์แอ๊คชันโคตรสายลับอันดับหนึ่งของเกาหลี ที่ผู้ชมทั่วโลกต่างตั้งตารอ การันตีได้จากกระแสการตอบรับที่ร้อนแรง ที่หนังจนถูกจำหน่ายไปแล้วกว่า 140 ประเทศ


อีกหนึ่งความพิเศษของ “HUNT ล่าคนปลอมคน” คือการรวมเอานักแสดงแถวหน้าแห่งเอเชียมาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น พระเอกตลอดกาล อย่าง จองอูซอง กับการกลับมาทำงานร่วมกันกับ อีจองแจ ในรอบ 23 ปี ร่วมด้วย โกยุนจอง, จอนฮเยจิน และ ฮอซองแท เป็นต้น โดยเล่าเรื่องราวสุดดุเดือดท่ามกลางความวิกฤติยุค 80 เผด็จการเรืองอํานาจ “พัคพยองโฮ” (อีจองแจ) หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับระหว่างประเทศ ต้องมารับทำสุดยอดภารกิจแข่งขันกับคู่ปรับตัวฉกาจ อย่าง “คิมจองโด” (จองอูซอง) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (NIS) ทั้งสองถูกมอบหมายให้พลิกประเทศตามล่าสายลับเกาหลีเหนือที่ใช้นามว่า “ดงลิม” ที่แฝงตัวอยู่ในองค์กรรัฐเพื่อบ่อนทำลายประเทศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป “ดงลิม” กลับปล่อยข้อมูลลับสุดยอดและเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งสองจึงถูกเบื้องบนบีบให้มาสืบสวนกันเอง ซึ่งถ้าพวกเขาหาตัวการทำลายชาติไม่ได้ หายนะครั้งนี้อาจนำไปสู่การลอบสังหารผู้นำประเทศ ทั้งคู่จึงต้องทวีความเดือดตามหาต้นตอของเรื่องนี้ให้สำเร็จ โดยมีความเป็นความตายของประธานาธิบดีและประชาชนทั้งเกาหลีใต้เป็นเดิมพัน!

ตลอดเส้นทางกว่า 30 ปีของเขาเริ่มจากผลงานเรื่องแรกตั้งแต่ปี 1993 และสามารถคว้ารางวัลนักแสดง หน้าใหม่ ยอดเยี่ยม ได้จาก “The Young Man” ต่อด้วย “Sandglass”, “City of The Rising Sun” จนมาถึงผลงานภาพยนตร์ รักโรแมนติก “Il Mare” ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “The Housemaid”, “The Thieves”, “New World” และ “Assaination” รวมถึงหนังบล็อกบลัสเตอร์ อย่าง “Along with the Gods” และ “Deliver Us From Evil” กระทั่งซีรีส์สุดฮอต “Squid Game” ที่ล้วนส่งให้เขาได้รับโอกาสมากมาย รวมทั้งมีประสบการณ์ที่ยาวนานเป็นสิบปี จนก้าวเข้าสู่อีกสเต็ปของการทำงานที่นอกเหนือจากงานแสดง
เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนไปพบผลงานใหม่ที่ อีจองแจ ได้ทุ่มเททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง วันนี้ “ฮาอึน” จึงไม่พลาดไปพูดคุยกับเขา ถึงที่มากว่าจะเป็นหลังแอ๊คชั่นสายลับสุดเดือด “HUNT ล่าคนปลอมคน” ที่ทำให้เขาถึงขั้นนอนไม่หลับทั้งคืน รวมถึงเผยถึงมิตรภาพ กับการดึงเพื่อนรัก จองอูซอง มาร่วมงานด้วย


Q : คุณรู้สึกยังไงบ้างที่ “HUNT” ได้ถูกเชิญอย่างเป็นทางการใน “Midnight Screen” งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 75?
อีจองแจ : มีหลายคนที่มองเห็นความสนุกและประเด็นของเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เราร่วมแรงร่วมใจสร้างกันขึ้นมาก็ต้อง ขอบคุณทั้งเหล่าทีมงานและนักแสดงทุกท่านมากๆ ครับ ในตอนท้ายของการฉายภาพยนตร์ ผมทั้งตกใจและเขิน ที่ได้รับเสียงปรบมือนานที่สุดที่เคยได้รับในชีวิต
Q : “HUNT” เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับอะไร?
อีจองแจ : สำหรับ HUNT (ฮันท์) เป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นสายลับชิงไหวชิงพริบกัน มันเล่าเรื่องของคนที่ต้องทำอะไรขัดกับความเชื่อและหลักการของตัวเอง เรื่องราวของการตามหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กร KCIA โดยผมรับบท ‘พัคพยองโฮ’ และคิมจองโด รับบทโดย ‘จองอูซอง’ ระหว่างการค้นหาตัวสายลับ ทำให้ทั้งสองคนเกิดความสงสัยในกันและกัน และต้องมาเจอกับคดีลอบสังหารคนสำคัญเบอร์หนึ่งของเกาหลี ทำให้เกิดเรื่องพลิกล็อคและเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ

Q : ในเรื่อง “HUNT” คุณต้องรับหน้าที่ทั้งเขียนบท กำกับ ไปจนถึงนักแสดง คนเดียว ทั้ง 3 ตำแหน่งคงจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย?
อีจองแจ : ความจริงแล้วผม ซื้อลิขสิทธิ์ของเนื้อเรื่องมา ตั้งใจจะเป็นแค่ผู้จัดอย่างเดียว แต่การมานั่งรอทุกวันเป็นเรื่องยากครับ รู้สึกอึดอัดและเสียดายกับเวลาที่ผ่านไป ก็เลยเริ่มเขียนบทด้วยตัวเองครับ แล้วพอเขียนมาตลอดสี่ปี การเรียบเรียงสิ่งที่เขียนการทำโปรเจกต์ในแต่ละหัวข้อ การสร้างคาแรกเตอร์ให้กลมกล่อม ผมได้รับกำลังใจจากคนรอบ ข้างที่บอกว่าน่าจะลองมากำกับเองดู จนสุดท้ายก็ได้มากำกับด้วยครับ”
Q : แนะนำตัวละคร “พัคพยองโฮ” หน่อย?
อีจองแจ : สำหรับ ‘พัคพยองโฮ’ ที่ผมรับบทในฐานะหัวหน้าทีมหน่วยข่าวกรอง ต่างประเทศเป็นคนที่ใช้เหตุผล และเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ห่วงใยเพื่อนร่วมงาน แต่พอได้รู้ข่าวว่ามีสายลับอยู่ในองค์กรก็ต้องมาระแวงเพื่อนร่วมงานไปจนถึงถูกสงสัยว่าตัวเขาเองก็คือสายลับ แต่ก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อจะตามหาสายลับที่ซ่อนอยู่ในองค์กรครับ”

Q : คาแรกเตอร์ตัวละครใน “HUNT” คุณวางแต่ละคนเป็นแบบไหน?
อีจองแจ : ผมอยากให้ตัวละครทุกตัวมีคุณค่า อย่าง ‘จองโด’ ผมอยากให้เขาเริ่มจากการเป็นคนเยือกเย็น ไปจนถึงที่เขาบันดาลโทสะแบบไม่เลือกหน้าในช่วงท้าย ส่วน ‘จูคยอง’ เป็นตัวโจ๊กตัวเดียวในเรื่อง แต่เขาจำเป็นต่อจุดหักมุมของเรื่องมาก ด้าน ‘ชอลซอง’ เป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจอมทรราช ผมอยากให้เขาเป็นบัวใต้ตม ไม่เคยรู้ตัวว่าโดนล้างสมองมาตลอด และ ‘ยูจอง’ ที่ไม่ได้โผล่มาบ่อย แต่เธอเป็นตัวละครที่ใกล้ชิดกับตัวละครปริศนาของเรื่องที่สุด เธอขยะแขยงในการกระทำของคนรุ่นก่อน แต่เธอได้คำตอบของชีวิตที่เฝ้าตามหาจาก ‘พยองโฮ’ ครับ
Q : คุณแยกระหว่าง “พยองโฮ” ที่ทำงานให้ KCIA มา 13 ปี กับอดีตทหารบก อย่าง “จองโด” ผ่านเครื่องแต่งกาย และทรงผมได้อย่างไร?
อีจองแจ : หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครชาย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ KCIA ดังนั้นทั้งชนิดเสื้อผ้าและสีสันจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ทีมเสื้อผ้าเตรียมเนกไทวินเทจ และเครื่องประดับจากยุคนั้นไว้เพียบ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครออกมา พวกเขาช่วยกันออกแบบเครื่องแบบของทหารไทย ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ และคนจากกองทัพ


Q : สำหรับ “HUNT” มีส่วนผสมของแอ๊คชั่นดราม่าสายลับ แต่ยังมีความเป็นสงคราม จิตวิทยาที่สองตัวละครนำ ทำใส่กัน ตลอดทั้งเรื่อง คุณถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวลงในหนังได้อย่างไร?
อีจองแจ : มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ ‘พยองโฮ’ และ ‘จองโด’ เจอกับเรื่องคอขาดบาดบาดตายเสมอ ให้พวกเขาห้ำหั่นกันตลอด เมื่อเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยในองก์ที่สามของเรื่อง ประเด็นมันจะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น การผูกเรื่องในองก์ แรกและองก์ที่สองมันยากพอสมควร”
Q : ระหว่างการกำกับเรื่อง “HUNT” คุณให้ความสำคัญกับจุดไหนบ้าง?
อีจองแจ : ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องมีความสนุกก็จริง แต่ว่าผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุย กับหลายๆ คนเกี่ยวกับ เรื่องราวต่างๆ ถึงแม้จะนำเรื่องที่เกิดในยุค 80 ขึ้นมาทำ แต่ผมคิดว่ายุค 80 กับตอนนี้มีจุดที่ไม่แตกต่างกันอยู่ ทั้งเรื่องราวในจุดเหล่านั้น ทั้งความคิดอื่นๆ ที่ตัวละครมีอยู่ การลองถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมา ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญมากครับ จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับตัวละครเพื่อให้พวกเขาปะทะกันอย่างร้อนแรง และผมหวังว่าการปะทะกันที่ ดุเดือดนี้จะเต็ม หน้าจอ พวกประเด็นที่ต้องไม่ให้เห็นเยอะไปเราก็ต้องมานั่งคิดด้วยกัน”

Q : คุณได้การปรึกษาด้านใดเป็นพิเศษเกี่ยวกับการถ่ายทอดภาพในหัวของคุณออกมาในภาพยนตร์บ้าง?
อีจองแจ : ผมอยากลองอะไรใหม่ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี องค์ประกอบภาพ แม้แต่สถานที่ถ่ายทำ ทีมกล้องต้องเจออุป สรรคมากมายระหว่างการถ่ายทำ ผมว่าพวกเขาเจอหนักสุดแล้วล่ะ รวมถึงทีมสตั้นท์ เพราะผมต้องการให้ฉาก แอ๊คชั่นในเรื่องทุกฉากดูทรงพลังและสมจริง ผมอยากผลักมันไปจนสุดขอบ แต่ยังเก็บราย ละเอียดไว้ครบถ้วน
Q : คุณสร้างเกาหลีใต้ยุค 80 ในเรื่องออกมาได้อย่างไร?
อีจองแจ : ปัญหาใหญ่เลยคือมันไม่มีโลเคชันไหนที่ให้บรรยากาศแบบยุค 80 ชนิดที่ครบจบในที่เดียว แถมงบเราก็ไม่ได้ มากพอที่จะเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด แต่ทีมงานของเราทำได้ดีมาก พวกเขาเอาชนะอุปสรรคและหาจุดที่ลงตัวพบ โดยเฉพาะกับฉากที่เราจำลองวอชิงตัน โตเกียว และประเทศไทย เราถ่ายทั้งหมดในเกาหลี แม้ว่าขั้นเตรียมงาน แทบจะเรียกได้ว่ารากเลือด แต่ผลที่ออกมาทำให้พวกเราลืมความลำบากในตอนนั้นไปปลิดทิ้งครับ

Q : คอนเซปต์เบื้องหลังฉากต่อสู้ที่เป็นไฮไลต์ของภาพยนตร์ “HUNT” คืออะไร ?
อีจองแจ : ความเดือด ความสมจริง และรายละเอียด คือสามสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมทำสตอรี่บอร์ดกับแผนกเทคนิกพิเศษ, ทีมสตันท์ และทีมซีจี แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานง่าย แต่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราถ่ายทำกันได้ราบรื่น ผมอยากให้มันมีขับรถไล่ล่า วิ่งไล่กันตามถนน, การระเบิด และการสาดกระสุนกันเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบ ผมยังต้องการให้ทั้งหมดนั่นออกมาดูสดใหม่ ซึ่งทีมงานทุกคนไม่ทำให้ผมผิดหวัง
Q : เราได้ยินว่าคุณเปลี่ยนเทคนิคระเบิดในเรื่องนี้ให้ใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ คุณมีเหตุผลใดเป็นพิเศษมั้ย?
อีจองแจ : ผมเป็นนักแสดงมานาน ผมเข้าใจหัวอกพวกเขาดี ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และสุขภาพของ ทีมงานทุกคน เราเลยเลือกใช้ข้าวสาลีป่นแทนส่วนผสมที่เป็นเคมี

Q : คุณเองก็รับบทในเรื่องนี้เหมือนกัน เรามั่นใจว่าประสบการณ์ ในฐานะนักแสดงที่ผ่านมา ของคุณมีผลกับวิธีที่คุณกำกับนักแสดงในเรื่อง คุณมีจุดไหนที่เน้นเป็นพิเศษหรือไม่?
อีจองแจ : ที่ผ่านมาถ้าสถานการณ์ในบทมันน่าเชื่อและมีฉากที่เสริมกัน การแสดงของผมมันจะออกมาตามธรรมชาติ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ผู้กำกับต้องการออกมามากที่สุดเท่าที่ทำได้ ระหว่างขั้นเตรียมงาน และการซ้อมบท มันมีบางจุดที่ผมแก้ไดอะล็อกตามฟีดแบ็กจากนักแสดง ขณะที่บางครั้งผมต้องกล่อมให้พวกเขายอมเล่นบางซีนที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจบ้างเหมือนกันครับ
Q : บรรยากาศในกองถ่าย ที่ได้มีนักแสดง “จองอูซอง” ที่เป็นเพื่อนสนิท เป็นยังไงบ้าง?
อีจองแจ : เราคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากเคยร่วมงานกันใน ‘City of the Rising Sun’ (ซิตี้ ออฟ ไรซิ่ง ซัน) เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราพยายามทำให้มันเป็นไปได้และแม้แต่เขียนบทด้วยกัน ณ จุดหนึ่ง แต่มันก็ไม่เคยปรากฏเป็นภาพยนตร์เลย จนมาถึงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรู้สึกกระตือรือร้นมากที่จะมีเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากให้คนพูดว่าจองอูซอดูดีที่สุดบนหน้าจอเมื่อเขาถูกยิงโดยอีจองแจ ในกองถ่ายก็ยุ่งกับการดูแลกันและกันครับ สำหรับผมที่ต้องตั้งใจกำกับให้จองโดออกมาเท่มากที่สุด ตรงกันข้ามกับคุณอูซองนั้นที่เห็นว่ายิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งหมดแรง คงคิดว่า ‘เพื่อนฉันอาจจะตายไปแบบนี้ก็ได้’ ก็คอยจัดวิตามินให้ผมกิน สำหรับตอนนี้แค่อยู่ข้างๆ กันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ถึงวันไหนไม่มีคิวถ่าย แค่มาอยู่ข้างๆ ก็เป็นกำลังใจมากที่สุดแล้วครับ
Q : คิดว่า “HUNT” แตกต่างกับภาพยนตร์สายลับเรื่องอื่นๆ ยังไง?
อีจองแจ : ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อให้อุดมการณ์ของเขา กลายมาเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าเล่าเรื่องเกาหลีเหนือและใต้ เวลาดูหนังสายลับ จะมีคดีหรือสถานการณ์ที่แต่ละตัวละครเผชิญอยู่ ทำให้รู้สึกลุ้นระทึกมาก พวกเราเองก็คิดมาเยอะมากว่า จะทำสายลับในแบบเกาหลียังไง ให้ต่างจากหนังสายลับอื่นๆ นั้น ปกติหนังสายลับส่วนใหญ่ จะเป็นการทิ้งปริศนาให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อเรื่องเอา แต่ผมเขียนบทออกมา เพราะต้องการสร้างภาพยนตร์ที่มีความเข้มข้น โดยมีการพลิกกลับทั้ง เรื่องใหญ่และเรื่องเล็กและคลี่คลายอย่าง ผมพยายามไม่ทำให้ เรื่องราวซับซ้อนเกินกว่าจะติดตามได้ และแค่หวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินกับมันครับ


Q : อยากบอกอะไรกับผู้ชมที่จะได้พบกับ “HUNT” ในโรงภาพยนตร์?
อีจองแจ : แน่นอนว่าฉากแอ๊คชั่นตระการตาเป็นส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ แต่ผมอยากให้แน่ใจว่าผู้ชมจะอินไปกับเนื้อเรื่อง อึ้งไปกับทุกจุดหักมุม และเอาใจช่วยสองตัวละครนำ ถึงพวกเราจะบอกว่าเป็นหนังประเภท สายลับก็จริงแต่เนื้อหาไม่ได้ ซับซ้อนขนาดนั้น อาจจะคิดว่าขั้นตอนการสืบสวนหาคนร้ายไม่ได้ซับซ้อน แต่ความจริงแล้ว เราได้อธิบายไว้ให้เข้าใจแบบง่ายๆ เข้าไปดูแบบสบายๆ ได้เลยครับ แต่ว่าเรื่องอาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก แค่สนุกไปกับความเร็วพวกนั้นก็พอครับ
เห็นความทุ่มเททั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของหนุ่ม อีจองแจ ในการสร้างสรรค์ผลงานที่ได้รับตอบรับสุดร้อนแรงไปทั่วโลกแบบนี้ แฟนๆ อย่าพลาดมาพิสูจน์กับอีกหนึ่งความสามารถของเขา ในภาพยนตร์แอ๊คชั่นสายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน” เข้าฉาย 1 ก.ย. นี้ ในโรงภาพยนตร์
ฮาอึน / ภาพ SBS