เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่กระทรวงกลาโหมในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ว่า เป็นการไปพบต่อเนื่องเพื่อนำแพทย์จากสถาบันโรคผิวหนังติดตามอาการ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเข้ารับการรักษา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่บริเวณหลังมือเป็นสะเก็ดแผลจากอาการภูมิแพ้ผิวหนัง เกา และคัน ซึ่งอาการหายแล้วเพียงแต่ต้องใช้ยาทาหลังจากนี้ โดยไม่ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองแต่อย่างใด ซึ่งตนได้เดินทางไปช่วงเวลาใกล้เที่ยง นายกรัฐมนตรี จึงชวนรับประทานอาหารด้วยกัน เป็นข้าวกะเพราไก่ ไข่ดาว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกด้วยว่าเมื่อวานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่านก็อยู่ร่วมและฝากให้ช่วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ทำงานในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิบัติงานไม่ได้” เมื่อถามว่าในวงสนทนา พล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดคุยอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ส่วนใหญ่ ผมเป็นคนชวนคุยคนเดียว ก็ขี้คุยของผมไปเรื่อย”
เมื่อถามถึงสุขภาพจิตใจของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า “ดี ไม่มีอะไร ท่านก็ทำงานตามหน้าที่ของท่าน ซึ่งใช้เวลาร่วมกันในการรับประทานอาหารไม่นาน 30-40 นาที อย่างไรก็ตามการเข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ ไม่ได้มีการนัดหมายกับ พล.อ.อนุพงษ์ ล่วงหน้า ผมไปตามการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำแพทย์ที่เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจเช็กอาการ”
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าการเข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ ทำให้ถูกโยงเลือกข้างทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ๊ย จะไปผูกอะไร ถ้าใครมาหาผมตอนใกล้เที่ยง ก็ชวนทานข้าวเท่านั้น การไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ เป็นการนัดหมายล่วงหน้า และถือเป็นการพบหน้าพบตาเนื่องจากไม่พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ มากว่า 1 สัปดาห์”
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีนัดกับ พล.อ.อนุพงษ์ ล่วงหน้าอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้นัดทานข้าวกับตน พร้อมย้อนกลับถามสื่อฯ ว่า ทำไมถึงลงรายละเอียดจัง โดยสื่อฯ ได้ตอบกลับว่า เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง
เมื่อถามต่อว่าภาพที่ปรากฏออกมา 3 คน จะทำให้ถูกมองว่าสนิท กับ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.อนุพงษ์ มากกว่า พล.อ.ประวิตร หรือไม่ นายอนุทิน อุทานว่า “โอ๊ย คิดแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมไปบ้านป่ารอยต่อก็หลายครั้ง เวลาเรียกไปหารือ หรือโอกาสที่จะต้องไปหารือ ช่วงอภิปราย หรือพิจารณางบประมาณ บางทีไปขอรับฟังความเห็นของพรรคพลังประชารัฐ หรือไปแจ้งว่าพรรคภูมิใจไทย จะทำแบบใด เช่น กฎหมาย กยศ. ที่พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืน ขอโหวตไม่มีดอกเบี้ย รัฐไม่ควรหารายได้จากกองทุน กยศ. ก็ต้องบอกก่อน ไม่เช่นนั้นเกิดพรรคพลังประชารัฐให้มีดอกเบี้ย เดี๋ยวจะทำให้เกิดการตีความเห็นไม่ตรงกัน บางอย่างต้องฟรีโหวต ซึ่งก็ต้องหารือกับท่าน” นายอนุทิน ยังย้ำว่า ไม่ได้คุยเรื่องการทำงานของ พล.อ.ประวิตร มีเพียงการส่องพระเท่านั้น.