จากกรณีอุบัติเหตุ รถกระบะพุ่งชน ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ ขณะกำลังข้ามถนนกลับบ้านหลังเลิกเรียน โดยเพื่อนอีก 2 คน ข้ามพ้นไปก่อน แต่กลับตกใจ เมื่อเห็นรถวิ่งมาด้วยความเร็ว ทำให้ตัดสินใจวิ่งกลับมาที่เก่า เป็นเหตุให้ถูกพุ่งชนอย่างจัง บาดเจ็บสาหัส ไปเสียชีวิตที่ รพ. เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา พื้นที่ถนนสี่เลนหมายเลข 24 สีคิ้ว-เดชอุดม บริเวณแยกบ้านสะกาด ต.สะกาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ยังบ้านของ ด.ช.เอ ซึ่งทางญาติได้จัดงานบําเพ็ญกุศลตั้งศพไว้ในบ้าน ห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 100 เมตร บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด มีญาติพี่น้อง ชาวบ้าน และเพื่อนนักเรียนมาร่วมงานกันไม่ขาดสาย สำหรับ ด.ช.เอ นั้น อาศัยอยู่กับปู่และย่า ส่วนพ่อแม่เดินทางไปทำงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา สำหรับพิธีฌาปนกิจจะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.ย. นี้ ที่วัดในพื้นที่หมู่บ้าน

ด้านปู่ของ ด.ช.เอ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่กล่าวหาว่าหลานชายตนมีพฤติกรรม เล่นวิ่งขอแตรรถสามช่านั้น เป็นเรื่องไม่จริงแต่อย่างใด น้องเสียไปแล้วขอร้องอย่าได้ซ้ำเติมกันเลย หลังจากสูญเสียหลานชาย ตนก็ยังทำใจไม่ได้ และอยากให้ฝ่ายงานเกี่ยวข้องช่วยหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก จะทำสะพานลอย อุโมงค์ข้ามก็จะดีมาก เพราะชาวบ้านและนักเรียนต่างก็ข้ามกันไปมาตลอด พื้นที่ชุมชนมีทั้งโรงเรียน อบต. รพ.สต. ปกติจะมี อปพร.มาดูเด็กข้ามไปข้ามมาทั้งเช้าและเย็น แต่วันนั้นเป็นวันแข่งขันกีฬา เด็ก ๆ ก็อาจจะหนีกลับบ้านก่อนก็มี

ด้านแม่ของ ด.ช.เอ อายุ 37 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เดิมตนกับสามียังไม่มีลูก จึงไปขอพรจากหลวงพ่อโสธร จากนั้นไม่นานก็ตั้งท้อง จึงเชื่อว่าต้องพาลูกไปกราบทุกปี ซึ่งในวันที่ 9 ก.ย. นี้ จะเป็นวันเกิดเขา ยังไม่ทันได้พาไปไหว้ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หน่วยงานเกี่ยวข้องควรที่จะทำอุโมงค์ให้เด็ก ๆ ได้ข้ามเพื่อความปลอดภัย ถนนสายนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก รถไม่ชะลอความเร็ว เพราะถนน 4 เลนวิ่งกันเร็วสุด ๆ ไฟฟ้าส่องสว่างก็ดับมาหลายปีแล้ว ยังไม่มีการซ่อมแซม กลางคืนมืดมาก เป็นจุดที่อันตรายมาก

ในส่วนของเรื่องคดีความนั้น พ.ต.ท.กิ่งเพชร สุดเสียงสังข์ สว.(สอบสวน) สภ.สังขะ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐาน พร้อมนำศพผู้เสียชีวิตส่งให้แพทย์ชันสูตร และส่งศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน ส่วนคนขับรถยนต์ปิกอัพ เป็นชายอายุประมาณ 49 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี หลังเกิดเหตุได้มอบตัวและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวบแล้ว ยืนยันหลังจากให้ปากคำ ได้เข้าไปช่วยงานศพของเด็กชายที่เสียชีวิต วันเกิดเหตุได้ขับรถของหลวงพ่อวัดแห่งหนึ่งใน อ.น้ำยืน ไปยัง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เพื่อนำไปซ่อม แต่กลับมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นเสียก่อน ซึ่งตอนที่ขับก็ไม่มีการดื่มสุราหรือมึนเมาแต่อย่างใด.