ข่าวสารยานยนต์ในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องราวจากแดนไกล คือบริษัทรถยนต์ “วินฟาสต์” (Vinfast) จากประเทศเวียดนาม เพื่อนบ้านของเรา กำลังจะเปิดโรงงานประกอบรถยนต์ในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา (North Carolina) เพื่อประกอบรถยนต์เอสยูวี พลังไฟฟ้า รุ่น VF8 และ VF9

เมื่อกล่าวถึงแบรนด์ วินฟาสต์ เชื่อว่าหลายๆ คนคงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นแบรนด์ใหม่ถอดด้าม มีอายุเพียง 5 ปี แต่ถึงอย่างไรก็ตามแบรนด์นี้เป็นบริษัทลูกของกลุ่มทุน “วินกรุ๊ป” (Vingroup) ที่เป็นกลุ่มทุนทรงอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ที่ทำธุรกิจหลากหลายรูปแบบทั้ง อาหาร สุขภาพ การศึกษา อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะมาเพิ่ม ธุรกิจยานยนต์เต็มรูปแบบ เข้ามาอย่างในทุกวันนี้

รถยนต์ของ วินฟาสต์ ทั้ง VF8 และ VF9 นี้ ต่างก็ไม่ธรรมดา เพราะได้รับการออกแบบโดยสำนักออกแบบชั้นนำจาก อิตาลี อย่าง พินินฟารีนา (Pininfarina) จากอิตาลี ที่เคยฝากฝีมือไว้กับรถยนต์ชั้นนำของโลกหลากหลายยี่ห้อ มาเกือบร้อยปี ที่เด่นดังที่สุดก็คือ รถยนต์เฟอร์รารี่ หลายสิบรุ่น นั่นเอง

การที่วินฟาสต์ เลือกเข้ามาสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้า นั่นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะระบบของรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีความซับซ้อนน้อยกว่าระบบของเครื่องยนต์สันดาปภายใน และด้วยพลังทางเศรษฐกิจของ วินกรุ๊ป ทำให้พวกเขาสามารถเรียนลัด โดยการว่าจ้างเหล่ามือดี จากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลกมาร่วมงานด้วย ทำให้ในเวลาอันสั้น จากจุดเริ่มต้นในปี 2017 มาถึงวันนี้ เพียงห้าปี พวกเขาสามารถส่งออกรถยนต์จากเวียดนามไปยังสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ และโรงงานในสหรัฐอเมริกานั้นตั้งเป้าว่าจะสามารถเริ่มสายพานการผลิตได้ในปี 2024 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า หากไม่มีอะไรเกินคาดหมายเกิดขึ้น

ธุรกิจรถยนต์ของพวกเขานั้นในยุคแรก เป็นการซื้อสิทธิในการใช้แชสซี และเครื่องยนต์ จาก BMW ในรุ่นซีรีส์ 5 รหัส F10 และ เอสยูวี รุ่น X5 รหัส F15 นำมาปรับเส้นสายของตัวถังและการตกแต่งภายใน ภายใต้การดูแลของ พินินฟารีนา โดยทั้งสองรุ่นใช้ชื่อว่า Lux A2.0 และ Lux SA 2.0 ตามลำดับ

ปัจจุบันพวกเขาหันมาทุ่มทรัพยากรในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า อย่างเต็มที่ โดยรถทั้งสองรุ่นคือ VF8 และ VF9 นี้คือรถที่พวกเขาเชื่อมั่นว่าจะสามารถแทรกตัวลงในตลาดสหรัฐอเมริกา และตลาดโลกได้ โดย VF8 นั้นเป็นเอสยูวีขนาดกลาง รูปทรงเฉียบคม ร่วมสมัย มีความยาว 4.75 เมตร ที่มาพร้อม สมรรถนะเริ่มต้นที่ 201 แรงม้าสำหรับรุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ไปจนถึงรุ่นท็อป 402 แรงม้า สำหรับรุ่นสองมอเตอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยในรุ่นท็อปนั้นมีแรงบิดสูงถึง 620 นิวตันเมตร เลยทีเดียว และด้วยความจุแบตเตอรี่ 87.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ก็จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

ส่วนรุ่น VF9 นั้นเป็น เอสยูวี ขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง มีความยาว 5.12 เมตร ที่มีสไตล์การออกแบบดูบึกบึน แต่ก็เฉียบคมล้ำสมัย โดดเด่นกว่ารถในคลาสนี้แทบทุกรุ่นก็ว่าได้ สมกับเป็นรถระดับเรือธงของแบรนด์ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นนี้ก็เช่นเดียวกับ รุ่น VF8 ก็คือ 402 แรงม้า และด้วยความจุแบตเตอรี่ 123 กิโลวัตต์ชั่วโมง ก็จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 482 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

มาถึงจุดนี้หลายๆ คนคงจะเริ่มตั้งทำถามในใจว่า เราปล่อยให้เพื่อนบ้านเรานำไปไกลขนาดนี้ได้อย่างไร ก็คงต้องบอกว่า ประเทศของเรานั้นเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานประกอบมาช้านานกว่าเวียดนามมาก และกลไกการลงทุนต่างๆ นั้นต่างมีเงื่อนไขมากมาย ทำให้การจะสร้างแบรนด์รถยนต์ที่เป็นของเราเองนั้นทำได้ยากกว่ามาก แต่เชื่อว่าอีกไม่นานเราอาจจะได้เห็นโมเดลธุรกิจในตลาดรถไฟฟ้า เกิดขึ้นจากกลุ่ม “อรุณพลัส” ของทาง ปตท. ที่จับมือร่วมกับยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ อย่าง “ฟ็อกซ์คอนน์” (Foxconn) ของไต้หวัน ตอนนี้ก็ขอเอาใจช่วยนะขอรับ!.

โดย….ภัทรกิติ์ โกมลกิติ