เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ร้านบาร์ขุนพรหม แยกบางขุนพรหม ตรงข้ามธนาคารแห่งประเทศไทย ทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จัดงานเสวนาเรื่อง “ปลดล็อกเครดิตบูโร ด้วยกองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย” นำโดยนายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรค นายนพดล มังกรชัย ประธานคณะกรรมการวิชาการพรรค นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร นายธนพันธ์ วงศ์ชินศรี ผู้ก่อตั้ง Penguin Eat Shabu น.ส.นรี สุเนต์ตา ประธานชมรมธุรกิจโฮสเทลแห่งประเทศไทย โดยภายในงาน เป็นการเสวนาร่วมกันระหว่างทีมเศรษฐกิจพรรค และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการมาตรการรัฐในช่วงโควิด-19
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของประเทศไทย แม้ประเทศไทยจะมี GDP อยู่ประมาณ 16 ล้านล้านบาท แต่มีหนี้เกือบ 14 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 90 ของ GDP จำนวนคนเป็นหนี้ในเครดิตบูโรกว่า 32 ล้านคน และมีจำนวนหนี้เสียกว่า 4 ล้านล้านบาท โดยเป็นหนีเสียที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 กว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
นายสรเทพ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนมาก ต้องนำสินทรัพย์ ไปจำนำหรือจำนอง เมื่อไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ก็ไม่สามารถใช้หนี้ได้ ทำให้ทรัพย์สินที่นำไปค้ำประกัน ถูกยึด และ มีชื่อติดอยู่ในระบบเครดิตบูโร และเมื่อเปิดประเทศแล้ว มีแนวโน้มที่จพกลับมาทำธุรกิจได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาทำได้ เพราะไม่สามารถไปกู้เงินจากสถาบันการเงินใดๆได้ เนื่องจากยังมีชื่ออยู่ในเครดิตบูโรอยู่ ทั้งนี้ มูลค่าทางการตลาดของผู้ประกอบการร้านอาหารมีกว่า 2 แสนล้านบาท แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิดระลอกที่ 4 กลับเหลือเพียง 100,000 ล้านบาท หรือหายไปเกือบ 50% และหากไปดูตัวเลขในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะเห็นได้เลยว่า ผู้ประกอบการกลับมาเปิดกิจการ ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่หายไปในช่วงโควิด-19
นายธนพันธ์ กล่าวว่า แม้ตนยังไม่ติดบูโร แต่ได้ปิดสาขา ของร้านไป 4 สาขา จาก ทั้งหมด 10 สาขา การประกอบธุรกิจ ของผู้ประกอบการรายย่อยตอนนี้ประสบปัญหาอย่างมากกับธนาคาร เพราะต้องหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ ให้ตัวเองไม่ติดเครดิตบูโร เพราะหากผิดนัดชำระหนี้แค่เพียง 3 เดือน แต่ปัญหาที่ตามมาคือจะไม่สามารถกู้อะไรได้อีกเลย เป็นระยะเวลาสามปี สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการหลายคนเลือกที่จะหาทางจ่ายหนี้ธนาคารให้ตรงตามเวลา โดยการขอติดหนี้ซัพพลายเยอร์แทน ทำให้เกิดปัญหาหนี้ซ้ำซ้อน และธนาคารหลายธนาคาร เลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการยึดทรัพย์สิน เอาทรัพย์สินที่ค้ำประกันไว้ เข้ากรมบังคับคดีทันที โดยไม่ได้ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ถ้าหากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข จะทำให้คนเข้าสู่การกู้เงินนอกระบบ และปัญหาจะรุนแรงยิ่งขึ้น
น.ส.นรี กล่าวว่า ช่วงวิกฤติที่ผ่านมาเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ธุรกิจโฮสเทลและโรงแรมขนาดเล็ก กว่าครึ่ง ถ้าไม่โดนยึด ก็ปิดกิจการถาวร ถ้าผู้ประกอบรายใดที่เช่าที่ก็จะปิดกิจการและข้าวของอุปกรณ์ทุกอย่างให้เจ้าของตึกยึดไปเลย ถ้าเป็นเจ้าของตึกเองที่ไปกู้ธนาคารแล้วเอาอาคารของตนไปค้ำประกันก็จะโดนยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด ซึ่งที่ จ.ภูเก็ต จังหวัดเดียว โรงแรมเล็กกว่า 200 แห่ง ถูกยึดเตรียมขายทอดตลาด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ในส่วนมาตรการของรัฐที่ออกมานั้น ไม่ตอบสนองต่อโรงแรมเล็ก เพราะโรงแรมขนาดเล็กจำนวนมากไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการซอฟต์โลนต่างๆ ที่รัฐออกมาได้
นายนพดล กล่าวว่า รากของปัญหาคือ กฎระเบียบ ขนบธรรมเนียม ที่กดขี่คนตัวเล็กทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ แม้จะมีการปล่อยซอฟท์โลนออกมา แต่ยังใช้วิธีคิด และกฎระเบียบแบบเดิมทำให้คนไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ จะสังเกตได้จาก วงเงินซอฟต์โลนของรัฐที่ตั้งไว้รอบล่าสุดยังคงเหลืออยู่กว่า 300,000 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ถูกปล่อยออกไป เพราะกฎเกณฑ์ในการกู้ยังเป็นกฎเกณฑ์แบบดั้งเดิมอยู่ คนที่กู้ได้คือคนที่ยังไม่มีหนี้เสีย แต่คนที่มีหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วง โควิด-19 กลับไม่สามารถเข้าถึงได้เลย
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า หากพรรค ทสท. ได้เป็นรัฐบาล จะเริ่มต้นจากการใช้เงินประมาณไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เพื่อล้างดอกเบี้ยหนี้เสียที่อยู่ในระบบ เพื่อปรับจากหนี้เสียมาเป็นหนี้ปกติ ให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ต่อได้ปกติ หรือจะย้าย ถ่ายโอนหนี้ หรือกู้เงินก้อนใหม่ได้ เพื่อเสริมสภาพคล่อง จากนั้นจะมีการพักชำระหนี้ทั้งต้นทั้งดอก คาดว่าจะมีคนประมาณ 40% ลุกขึ้นทำธุรกิจต่อเองได้ และถ้าหากไม่ได้ พรรค ทสท.จะตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อปล่อยกู้ให้กับคนตัวเล็กเหล่านี้ได้มีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น โดยให้ธนาคารของรัฐเป็นผู้ปล่อยกู้ และให้ บสย. ค้ำประกันให้ ส่วนของธุรกิจโรงแรมนั้น ทางพรรค ทสท.เห็นว่า กฎหมายและข้อบังคับหลายอย่าง จะต้องถูกเอามาแขวนไว้ก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการตัวเล็กตัวน้อยลุกขึ้นเดินได้
“สิ่งที่รัฐบาลทำ คือการตัดแขน ตัดขา คนตัวเล็กตัวน้อย แต่สิ่งที่ไทยสร้างไทยจะทำ คือการต่อแขนต่อขาคนตัวเล็ก ให้ลุกขึ้นยืน และเดินต่อไปได้” นายสุพันธ์ กล่าว.