เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่มัสยิดยามีอุคก็อรียะห์ (สุเหร่ากองอาสาจาม) เขตราชเทวี พรรคไทยสร้างไทย​ จัดคาราวานไทยสร้างไทยลดค่าครองชีพ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วย นายภัทร ภมรมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร​ ส.ส.พรรคไทยสร้างไทย ​เขตราชเทวี และคณะ จัดบริการแจกแว่นสายตาฟรี ตัดผมฟรี และนำข้าวสาร น้ำมันพืช มาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูก  

คุณหญิงสุดารัตน์​ กล่าวว่า​ การตั้งพรรคไทยสร้าง​ เป็นภารกิจสุดท้ายสุดของตนที่ต้องการสร้างพรรคเพื่อคนตัวเล็กให้หายจน  หมดหนี้​ซึ่งเป็น​นโยบาย​พรรคสร้างไทย​ รวยก่อนแก่​ สุขภาพ​ต้องแข็งแรง​ พร้อมได้เน้นนโยบาย บำนาญ​ประชาชนเดือนละ​ 3,000​ บาท เพื่อให้ผู้สูงอายุมีเงินใช้​ และลดภารลูกหลาน​ นโยบายด้านการศึกษา​ ให้เรียนฟรีจนจบ​ ป.ตรี​ ลดเวลาเรียน​ 3​ ปี​ ในคณะที่สามารถ​ลดได้​ เพราะสามารถ​หาความรู้ทางช่องทางออนไลน์​ และนโยบาย​ 30​ บาทสุขภาพ​ดีถ้วนหน้า​ 

​ปัญหาของประเทศวันนี้ไม่ได้อยู่ที่​ ลุงตู่​ จะอยู่ต่อ​ หรือลุงป้อม จะรักษาการหรือไม่ได้รักษาการ​ แต่วันนี้ปัญหาของประเทศอยู่ที่ปากท้องของประชาชน​ ดังนั้น​ จึงฝากรักษาการนายกรัฐมนตรีอย่ามัวแต่แย่งชิงอำนาจกันจนลืมดูแลพี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อน​และอยากให้ใส่ใจเรื่องการลดต้นทุนการผลิตสินค้า​ เพื่อลดครองครองชีพของประชาชน​ พร้อมขอเลิกอุ้มนายทุนพลังงาน​ 

นอกจากนี้​ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่า​มีความไม่แน่นอน​ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้​ แต่วันนี้ลุงตู่ต้องพยายามที่จะกลับเข้ามาอยู่ต่อ​ และลุงป้อมพยายามที่จะเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีต่อ​ ถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้มีอำนาจจะรักษาอำนาจไว้​

ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร ​วงษ์​สุวรรณ​ รองนายก​รัฐมนตรี​ รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี​ มีการปรับลุค​ และดูแข็งแรง​ เป็นเพราะเตรียมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตหรือไม่​ คุณหญิงสุดารัตน์​ กล่าวว่า​มีความเป็นไปได้ที่ พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ​ พล.อ.ประวิตร​ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี​ เพราะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ​ขณะที่ความสัมพันธ์ของพี่น้อง 2 ป.​ ส่วนตัวไม่สามารถที่จะตอบแทนได้​ ว่าพี่น้องจะสร้างดาวกันคนละดวงหรือไม่​ ต้องไปถามเขาเอง​ ก็ไม่สามารถที่จะตอบได้​ ขออนุญาต​ ตอบว่า “ไม่รู้ ไม่รู้” ซึ่งถือเป็นคำติดปากของ พล.อ.ประวิตร 

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะไม่มีการยุบสภาในช่วงนี้ เพราะต่างฝ่ายต่างอยากรักษาอำนาจให้นานที่สุด และสถานการณ์การเมืองช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นห่วงเพราะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกครั้ง งบประมาณปี 66 ก็ผ่านแล้ว 
 
ส่วนเรื่องการร่วมจับมือกับพรรคอื่นยอมรับว่ามีหลายพรรคติดต่อพูดคุยมานานแล้ว ​แต่ไม่เปิดเผยในรายละเอียดได้ว่าเป็นการควบรวมพรรคหรือการร่วมงานในลักษณะใด เพราะอยู่ระหว่างการตัดสินใจแล้วขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคซึ่งพรรคไทยสร้างไทยจะมีการประชุมใหญ่พักในวันที่ 9 เดือน 9 นี้​ อาจจะมีการหารือกันในเรื่องนี้ แต่ส่วนตัว​อยากจะดำเนินการตามแนวทางนโยบายของพรรคต่อ​ พร้อมอยากให้กำลังใจกับทุกพรรคที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานให้กับชาติบ้านเมือง

 
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า วัตถุประสงค์ในการใช้เทคโนโลยีของพรรคไทยสร้างไทยคือ การสร้างประชาธิปไตยโดยตรง (Direct democracy) เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจที่สำคัญทางการเมือง ที่ไม่ใช่แค่เพียงวันกาบาทเลือกตั้งเพียงวันเดียว แต่ในทุกกระบวนการทางกฎหมาย และการตัดสินใจของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบกับประชาชน หากพรรคไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล จะใช้เทคโนโลยี “Citizen Force” มาให้ประชาชนมีส่วนร่วมคัดสินใจทางการเมือง 

นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทย จะนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยน เพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนไทย เช่น ในด้านสาธารณสุข พรรคจะมีการต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโครงการ 30 บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า พรรคจึงสร้างระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Health” เพื่อดูแลเรื่องการสร้างสุขภาพ และการรักษา โดยประชาชนสามารถเลือกโรงพยาบาลได้เอง สามารถนัดหมายและพูดคุยกับหมอได้โดยไม่ต้องรอคิวนาน รวมถึงสามารถรับยาได้โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลเอง ที่สำคัญจะมีการเก็บข้อมูลทำระบบ Big Data เพื่อเตรียมพร้อมวางแผนการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในด้านการรักษาพยาบาล และบริหารจัดการคุณภาพในการป้องกันโรคจากระบบ Big Data เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยของประชาชนให้ “แข็งแรงก่อนป่วย รวยก่อนแก่” เป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพดี ซึ่งจะนำระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Health” มาต่อยอดในโครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาทด้วย 


พร้อมกันนี้จะนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยน ด้วยระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Education” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยการนำครูผู้สอนที่เก่งๆ เช่นการค้าขายออนไลน์ตามกรุงเทพฯไปสู่ยอดดอย และตามพื้นที่ต่างๆของประเทศผ่านระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Education” ซึ่งจะต่อยอดเป็น “Metaverse”ในอนาคต เพื่อทำให้เด็กนักเรียนสามารถสัมผัสประสบการณ์จริงกับครูผู้สอนที่มีความชำนาญในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ในคุณภาพเดียวกัน จากครูผู้สอนที่เด็กนักเรียนต้องการอยากเรียนด้วย

  
ทางด้าน นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ หัวหน้าทีมดิจิทัล พรรคไทยสร้างไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “ปลดล็อกประเทศไทยด้วยดิจิทัล” โดยกล่าวว่า การสร้างประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมสูง ที่จะทำให้ผลของการใช้สิทธิออกเสียงเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงกับพี่น้องประชาชน มีปัจจัยที่สำคัญ 2 ประการ ประกอบด้วย 1.การมีส่วนร่วมของประชาชนที่มากพอในแต่ละประเด็น 2.การที่ประชาชนต้องรู้และเข้าใจในประเด็นต่างๆ ที่ต้องใช้สิทธิออกเสียง จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รองรับ Active Citizen ขึ้น  
 
“แม้วันนี้ตัวแทนของประชาชนในสภาส่วนใหญ่ จะยังไม่ได้ฟังเสียงประชาชน ดังที่เห็นได้จากการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจากเสียงประชาชนทุกสำนัก ที่ผลออกมาตรงกันข้ามกับผลโหวตในสภา แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากประชาชนเลือกตัวแทนที่ใกล้ชิดกับประชาชน พร้อมฟังและทำเพื่อประชาชนเข้าไปในสภากันล้นหลาม ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมของประชาชนนี้จะมากขึ้นอีก” นายธรรม์ธีร์ กล่าว 
///