วันที่ 10 ส.ค. ศาลแพ่งได้อ่านคำสั่งในคดีที่ นายธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ กับพวกรวม 2 คน ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉินกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับพวกรวม 4 คน กรณีขอให้งดใช้กระสุนยาง โดยศาลสรุปกรณีห้ามเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยาง โดยชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมมีอำนาจในการสลายชุมนุมด้วยวิธีการที่เหมาะสมตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง กรณีใดมีความจำเป็นในการใช้อาวุธปืนยิงกระสุนยางขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความรุนแรงของผุ้ชุมนุมและเหตุการณ์อันอาจเกิดขึ้นในแต่ละครั้งต่อไป อย่างไรก็ดี ศาลได้คำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน

อย่างไรก็ดี การใช้อำนาจดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการหากการใช้อำนาจของรัฐเป็นไปโดยไม่สุจริตเลือกปฏิบัติเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีจำเป็นตามมาตรา 17 แห่งพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมกระทำการอันฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว

โจทก์ทั้งสอง สื่อมวลชนและประชาชนซึ่งมิได้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงด้วยกระสุนยางย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญาโดยศาลไม่จำต้องสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอดังกล่าวอีก

เมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีในฐานะสื่อมวลชน ซึ่งมิได้เป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมจึงไม่อาจร้องขอคุ้มครองชั่วคราวแทนผู้ร่วมชุมนุมได้ ส่วนคำขอที่โจทก์ทั้งสองขอให้ศาลมีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนคุกคามข่มขู่ จำกัดพื้นที่การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย จึงต้องจัดพื้นที่ให้แก่โจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นเพื่อให้ได้รับความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพยานโจทก์ทั้งสองในชั้นนี้ก็มิได้เบิกความว่าถูกเจ้าพนักงานตำรวจจำกัดพื้นที่ในการปฏิบัติหน้าที่ จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจำกัดพื้นที่ในการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่น อีกทั้งโจทก์ทั้งสองก็มิได้มีคำขอท้ายฟ้องขอให้ศาลห้ามจำเลยที่ 1 จำกัดพื้นที่การปฏิบัติงานของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชน โจทก์ทั้งสองจึงไม่อาจขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในกรณีดังกล่าวได้