เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความประจำศูนย์สิทธิมนุษยชน ทนายความของแกนนำคณะราษฎร ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “ช่วยแชร์หน่อยครับ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่ยอมให้ทนายเข้าเยี่ยมเพนกวินกับพวก ทำให้ไม่สามารถปรึกษาหารือเรื่องการขอประกันตัวใหม่ได้ และน่าเป็นห่วงเรื่องสวัสดิภาพของผู้ต้องขังมาก ๆ ครับ #ม็อบ10สิงหา”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางด้านนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ ในคดีก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ว่าผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกคนจะต้องเข้าสู่กระบวนการรับตัวที่กรมราชทัณฑ์ได้เน้นย้ำให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของเรือนจำ (SOPs) อย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและมาตรฐานสากลที่สำคัญ เช่น พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หรือข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) และข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หญิงในเรือนจำฯ หรือข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules)

โดยขณะนี้ กรมราชทัณฑ์ได้รับตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไว้ในเรือนจำทัณฑสถานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรือนจำอำเภอธัญบุรี และทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ซึ่งกลุ่มแกนนำดังกล่าว ถือเป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ ที่ต้องได้รับการตรวจสุขภาพร่างกาย คัดกรองโรค ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และกักตัวอยู่ในสถานที่กักกันโรคตามระยะเวลามาตรฐานการดำเนินงานด้านสาธารณสุข ดังนั้น จึงขอชี้แจงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจและเชื่อมั่นว่ากรมราชทัณฑ์จะปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้กรอบของกฎหมายและมาตรฐาน ตลอดจนหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมควบคุมดูแลไม่ให้มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังแต่อย่างใดแน่นอน และหากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดกระทำการดังกล่าว จะถือเป็นความผิดทั้งทางวินัยและอาญาเช่นกัน…

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Norasate_Lawyer, @ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์