เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ พรรคสร้างอนาคตไทย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงกรณีเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับกว่า 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติอ่อนตัวในรอบ 16 ปี ว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศที่ยังเปราะบาง การฟื้นตัวยังเผชิญความเสี่ยงในหลายด้าน ไม่ควรมองว่าการอ่อนค่าของเงินบาท มาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และหวังว่าสถานการณ์เงินบาทจะผ่อนคลาย มีเสถียรภาพด้วยตัวเองในอนาคต เพราะอัตราแลกเปลี่ยนนั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆทางด้านเศรษฐกิจด้วย การที่เงินบาทอ่อนตัวเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่จะกระทบการนำเข้า ทั้งเครื่องจักร วัตถุดิบเพื่อการผลิต โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดเล็ก และนำเข้าพลังงานที่ต้นทุนแพงขึ้น เช่น น้ำมัน ก๊าซ ซึ่งจะกระทบต่อความเป็นอยู่ภาคประชาชน และผู้ประกอบการต่อเนื่อง
นายอุตตม กล่าวว่า ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในภาวะวิกฤติมาที่ค่าเงินมีผลต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจ แม้ว่าขณะนี้ระดับเงินทุนสำรองประเทศอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ยังมีปัจจัยการขาดดุลงบประมาณ การกู้ยืมเพื่อชดเชยการขาดดุล และระดับหนี้ในประเทศ ระดับครัวเรือนและหนี้สาธารณะที่อาจเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืม ดังนั้นระดับอัตราแลกเปลี่ยนมีผลโดยตรงต่อเสถียรภาพ และความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มีความเปราะบาง จากการถดถอยของเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงาน และกำลังซื้อที่ยังไม่กลับคืนเต็มที่
นายอุตตม กล่าวว่า การจะรักษาเสถียรภาพ ขึ้นกับว่าเศรษฐกิจประเทศมีความแข็งแกร่งหรือไม่ และมีแนวโน้มอนาคตการเติบโตที่ดีและยั่งยืนเพียงใด ซึ่งรัฐบาลต้องกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสถานการณ์ บริหารจัดการเชิงรุกโดยประสานงานกับหน่วยงานหลัก เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒน์ หน่วยงานด้านตลาดทุน โดยไม่ปล่อยให้ทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่งรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามยถากรรม หรือขึ้นอยู่กับนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น.