สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ว่า บริษัทต่าง ๆ เช่น บริษัทอินซิกเนีย เวนเจอร์ส พาร์ตเนอร์ส และบริษัทอีสต์ เวนเจอร์ส ที่ได้รับการสนับสนุนจากซอฟต์แบงก์ ต่างอยู่ในกลุ่มบริษัทที่เพิ่มการระดมทุนรวมหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพในปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 650 ล้านคน เริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล

“ในตอนนี้ สถาบันขนาดใหญ่ที่สุดในโลกบางแห่งกำลังคิดหากลยุทธ์ในการลงทุน และนำเงินทุนมาใช้ในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเมื่อ 6-7 ปีที่แล้วอาจไม่มีความสามารถในการรับเช็กที่มีขนาดใหญ่พอด้วยซ้ำ” นายวิชาล ฮาร์นาล หุ้นส่วนผู้จัดการของกองทุนรวม “500 โกลบอล” กล่าว

ทั้งนี้ นักลงทุนหลายคน กล่าวว่า ความกระตือรือร้นยังคงมีอยู่ แม้ว่าความอุตสาหะสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพต้องใช้เวลานานหลายเดือน และการประเมินค่าจะอยู่ภายใต้แรงกดดันก็ตาม

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังได้รับประโยชน์จากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดของรัฐบาลปักกิ่ง ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ในการควบคุมโรคโควิด-19 ในจีนและฮ่องกง แต่ถึงแม้ว่ากองทุนจะกระจายกันออกไป บรรดานักลงทุนกล่าวว่า ตลาดที่แตกต่างกันอย่างมากของภูมิภาคนี้ สื่อให้เห็นว่ากลยุทธ์การลงทุนแบบเดียวกันนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่ง

“มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อในจีน เพียงแต่พวกเขากำลังลดความสนใจนั้น” นายทั่ง ก๊ก-ยิว ประธานผู้ก่อตั้งของบริษัทแอฟฟินิตี เอควิตี พาร์ตเนอร์ส กล่าว “แล้วพวกเขาจะไปที่ไหนได้บ้าง? พื้นที่หนึ่งที่ผมสังเกตเห็นอยู่เสมอว่าทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากคือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่น่าเสียดายที่มันเป็นตลาดที่เจาะเข้าได้ยากที่สุด”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES