จากกรณี ผู้ปกครองของ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.วังสามหมอ ว่า บุตรชายโดนพระซึ่งเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอและเจ้าอาวาสวัดชื่อดังในพื้นที่ จ.อุดรธานี ใช้มือตบหน้าด้านซ้ายจนหงายหลัง ก่อนจะอ้างว่าเป็น “…ฝ่ามือบุญ…” ทั้งยังกล่าวย้ำว่า “….โดนกูตบได้บุญแล้ว…” ภายหลังพบว่า สาเหตุมาจากฝั่งพระต้องการอบรมสั่งสอนนักเรียนที่สวดมนต์เสียงเบา เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็น วันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายวันชัย พรมมาโอน ปลัดอาวุโส อ.วังสามหมอ พร้อมคณะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดที่เกิดเหตุ โดยประสานทางผู้ปกครองให้เข้ามาร่วมกันหารือเจรจา แต่ว่าฝ่ายผู้ปกครองยืนกรานจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและธรรมวินัยสงฆ์เท่านั้น

โดย นายเอ ให้การอ้างว่า ช่วงเช้าวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนรวม 29 คน ตั้งแต่ชั้น ม.1-ม.6 ถูกโรงเรียนพาเข้าค่ายอบรมจริยธรรม ศีลธรรม และวินัย ที่วัดดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2 วัน 1 คืน พอถึงเช้าวันศุกร์ขณะกำลังนั่งสวดมนต์ในศาลาใหญ่ภายในวัด ทางพระคู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าอาวาสมานำสวดมนต์พร้อมกัน ปรากฏว่า จู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามาตบหน้าอย่างแรงจนหงายหลัง ทำให้ตนและเพื่อน ๆ ต่างตกใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ สาเหตุที่ตนโดนส่งมาอบรมค่ายจริยธรรม ก็เป็นเพราะทางโรงเรียนระบุว่า ตนไปเรียนสาย เข้าแถวเคารพธงชาติช้ากว่าเพื่อน ทั้งที่ตนไม่ได้โดดเรียน หรือขาดแต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจมาก อาการบาดเจ็บทำให้ปวดหัวจนนอนไม่หลับ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีอาการปวดหัวอยู่ ส่วนรุ่นน้องที่ไปด้วยต่างก็หวาดกลัวพระรูปดังกล่าว ไม่เข้าใจว่าโรงเรียนปล่อยให้พระรูปนี้กระทำกับเด็ก ๆ ได้อย่างไร ผอ.ครูอาจารย์ ทำไมถึงไม่ลงมาปกป้องเด็กที่โดนทำร้ายกันบ้าง

ด้าน นางบี แม่ของนายเอ เปิดเผยว่า ลูกเป็นคนไม่ค่อยพูด หลังโดนพระตบหน้าก็ไม่บอกแม่แต่อย่างใด กระทั่งมีรุ่นน้องมาเล่าให้ฟัง ว่า โดนตบหน้าอย่างแรง อยากถามพระว่า ทำไมเป็นพระแล้วถึงได้ลงมือทำร้ายเด็ก แค่สวดมนต์เสียงเบาก็ต้องทำรุนแรงกับเด็กแบบนี้ควรเป็นพระหรือไม่ ยิ่งลูกชายมีอาการปวดหัวไม่หาย ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงอนาคต ทั้งที่ลูกเป็นเด็กเรียนดี ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้ายลูกแบบนี้เลย

ขณะที่ พระคู่กรณี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อหลายสำนัก ทำนองว่า ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนักเรียน เพียงแต่พลั้งมือทำลงไปเนื่องจากเห็นว่าเด็กสวดมนต์เสียงเบาจนไม่ได้ยิน ที่ลงมือเพราะอยากสั่งสอนให้เขามีวินัย รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากผู้ปกครองอยากเรียงร้องให้รับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาล หรือค่าทำขวัญ ก็พร้อมจะดำเนินการให้ทันที ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะเป็นเรื่องราวใหญ่โต แล้วก็ไม่อยากตอบโต้อะไร เพราะไม่อยากให้ทางโรงเรียนกับวัดเสียหาย

ขณะที่ พระราชสารโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง ตำบลหมากแข้ง เขตเทศบาลเมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้เห็นข่าวจากสื่อแล้วแล้วจึงโทรศัพท์ไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าคณะอำเภอที่ตบหน้าเด็กแล้ว ท่านก็ยอมรับว่า ได้ตบหน้าเด็กจริง เพียงเพราะต้องการสอนให้เด็กตั้งใจสวดมนต์เท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายร่างกายจนได้บาดเจ็บสาหัสอย่างใด

“…ในความคิดส่วนตัวอาตมา คิดว่าท่านก็ไม่ได้โกรธเด็ก เพราะท่านเองก็เป็นอาจารย์อบรมสั่งสอนเยาวชนอยู่แล้ว ยังทำคุณประโยชน์ให้กับชาวบ้าน เช่น ในฤดูหนาวก็นำผ้าห่มไปมอบให้กับชาวบ้าน อาตมายังได้ไปร่วมด้วย เหตุการณ์แบบนี้ ก็อยากจะให้ทางโรงเรียน ทางผู้ปกครองมาคุยกัน ผิดถูกให้ว่าไปตามกระบวนการ ในฐานะที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครองได้แจ้งไปแล้วว่า จะทำสิ่งใดก็ขอให้อยู่ในขอบเขต อย่าให้มันเกินไปจนเกิดปัญหาขึ้นมาแบบนี้…” พระราชสารโกศล กล่าว และเผยต่อไปอีกว่า

อาตมาเข้าใจในความรักลูกของผู้ปกครอง ซึ่งก็ต้องเข้าใจด้วยว่า คุณให้โรงเรียนพาลูกมาอบรม พระก็ต้องการให้เป็นเด็กสวดมนต์ ก็อยากให้สวดจริงจัง ไม่อยากให้ทำเล่น อยากให้มีใจเป็นกลาง พระท่านทำดีมาตลอด ท่านไม่ได้ทำชั่วเลย แต่เสียงของผู้ปกครองที่อยากให้พระสึก ก็อาจจะเกินไปหน่อย อาตมาเข้าใจความเป็นแม่ แต่ตามที่ได้ฟังจากสื่อไปสัมภาษณ์มานั้น เหมือนกับพระผิดและเป็นจำเลยต่อสังคมไปแล้ว จึงอยากให้ผู้ปกครองใจเย็นลงหน่อย

“….พระท่านก็ยอมรับว่าทำจริง ก็ควรที่จะมาคุยกัน เราชาวพุทธด้วยกัน มีสิ่งใดที่จะให้อภัยกันก็ทำได้ ซึ่งแม้แต่ค่ารักษาพยาบาล พระท่านก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง โดยจะฝากลูกไว้กับครู หรือเข้ามาอบรมกับพระก็ตาม เมื่อพระดุพระด่า ครูดุครูด่า ทำโทษก็เพื่ออยากให้เด็กทุกคนเป็นคนดี เปรียบเหมือนโบราณว่า “…รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี…” จึงอยากฝากว่า ให้ผู้ปกครองให้ใจเย็น ๆ เราหันหน้าเข้ามาคุยกัน ไม่ต้องให้เกิดคดีฟ้องร้องกัน มีอะไรก็ให้คุยกันและอยากให้จบลงกันด้วยดี.