เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ศ.ดร.สุชาติ​ ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ นักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์​มหภาค​ และอดีต รมว.คลัง ยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย​ กล่าวถึงการขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ เร็วๆ​ เพื่อทำให้เงินบาทแข็ง​ๆ ว่า 1.เดิมทีนักการเงินและนักวิเคราะห์​​หลายท่าน ได้เร่งให้ขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ เร็วๆ​ ตามให้ทันดอกเบี้ยสหรัฐ​ โดยพูดว่า​ “เดี๋ยวเงินทุนระยะสั้น​ไหลออกหมดแล้วจะทำอย่างไร” แต่ปรากฏว่าเงินที่ยังเหลืออยู่​ คือเงินทุนสำรองฯ​ ยังมีอยู่มากเกินไป​ เงินทุนระยะสั้น​ที่มาฝากไว้ในเงินสำรองฯ (คือเงินกู้จากต่างประเทศทั้งนั้น)​ ไหลออกไปก็ดีแล้ว​ เพราะผู้จัดการเงินเหล่านี้​ นำเข้ามาเล่นหุ้นได้กำไรแล้ว​ ก็นำออกไป​ คนไทยก็ต้องขาดทุน​

2.นักวิเคราะห์​ ต้องการพยุงตลาดหุ้นไทยไม่ให้ลง​ ไม่อยากให้เงินบาทอ่อนลง​ แต่หุ้นทั้งโลกลง​ สกุลเงินทั้งโลกอ่อนลง​ เพราะสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยสูงและเร็วมาก จะทำให้หุ้นไทยไม่​ลง​ เงินบาทไม่อ่อน​ จะถูกโจมตีเหมือนปี​ 40​ ​เปล่าๆ​ 3.การขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ เร็วๆ​ จะทำให้บริษัทต่างๆ​ กำไรลดลง​ หรือขาดทุน​ ซึ่งในที่สุดตลาดหุ้นก็ลงอยู่ดี​ หลังๆ​ มานี้​ การออกมาให้ความเห็นเช่นข้างบนนี้​ เริ่มเงียบลงไป

4.ต่อมานักวิเคราะห์​บอกว่า​ ให้ขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ เร็วๆ​ เพื่อลดเงินเฟ้อ​ แต่เงินเฟ้อไทย​เกิดจากต้นทุนน้ำมันและพลังงานนำเข้า​ ที่แพง​ขึ้น 30-40% ตรงข้ามกับเงินเฟ้อสหรัฐที่พิมพ์แบงก์มาใช้มากเกิน​ไป​ เราคงต้องขึ้นดอกเบี้ย​อย่างมากเลย​ จึงจะลดเงินเฟ้อ​ คือขึ้นดอกเบี้ยจนเศรษฐ​กิจ​หดตัวมากๆ​ การส่งออกตกลง​ จีดีพีตกลง​จนไม่มีเงินซื้อของนำเข้​าที่ถูกลงเล็กน้อย นอกจากนี้​ บริษัทในตลาดหุ้นก็จะกำไรลดลงหรือขาดทุน​ หุ้นก็ตกลงอยู่ดี

5.จากนั้น​ นักวิเคราะห์​ฯ​พูดว่าต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย​ เพราะเราขาดดุลการค้า​ (ใน​ 7เดือนแรก​ของปี 65)​ เป็นเงินบาทถึง​ 422,000​ กว่าล้านบาท​ ความจริงก็แค่​ 9,916 ล้านดอลลาร์​ ซึ่งไม่มาก เมื่อเทียบกับเงินสำรองฯ​ ที่มีถึง​ 215,000 ล้านดอลลาร์​ มีการกล่าวอ้างว่าการขึ้นดอกเบี้ย​ จะทำให้เงินบาทแข็งค่า​ แล้วดุลการค้าจะดีขึ้น​ ความเห็นนี้ผิดข้อเท็จจริงเลย เหตุที่เรายังขาดดุลการค้าเป็นเพราะเงินบาทยังแข็งเกินไป​ ไม่ใช่อ่อนค่าเกินไป

6.การขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ เร็วๆ​ จนค่าเงินบาทแข็ง​ตามสหรัฐ​ เช่น​ 35​ บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นเทียบเงินสกุลอื่นๆ​ เกือบทั้งหมดของโลก​ เป็นการทำให้เงินบาทแข็งเกินจริง​ จะถูกกองทุนทั่วโลกเอาเงินบาทมาขายให้รัฐบาลไทย​ “อย่างถล่มทลาย” จนเงินสำรองฯ​ หมดลงได้​ เหมือนปี​ 40​ จากนั้นเงินบาทจะกลับมา​ที่​ 37-38 บาทต่อดอลลาร์​ อย่างเดิม​ เหมือนเราพยายาม​ “เอาช้อนไปรองน้ำตก​ เพื่อให้น้ำตกหยุด” เราได้ล้มละลายทางการเงิน​ ประเทศล่มจมมาครั้งหนึ่ง​แล้ว​ เราต้องไม่ปล่อยให้ใคร​ ทำให้ประเทศไทยล้มละลายลงอีก